คุณเคยสงสัยไหมว่า ประโยชน์ของโยเกิร์ต มีอะไรบ้าง และจะเลือกทานโยเกิร์ตแบบไหนให้เหมาะกับสุขภาพที่สุด? โยเกิร์ตมีประโยชน์อย่างไร นอกจากช่วยปรับสมดุลลำไส้แล้ว ยังมีข้อดีในแง่ของการดูแลสุขภาพอีกมากมายที่หลายคนอาจไม่รู้ บทความนี้ Butterfly Organic จะพาคุณเจาะลึกเรื่อง โยเกิร์ต ประโยชน์ ที่สำคัญ พร้อมแนะนำวิธีเลือกทานโยเกิร์ตอย่างถูกต้อง เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าจะได้รับคุณค่าสูงสุดจากการกินโยเกิร์ตทุกวัน
โยเกิร์ต คืออะไร?

โยเกิร์ต เป็นผลิตภัณฑ์นมหมักที่เกิดจากการเติมแบคทีเรียที่ดีต่อร่างกายลงไปในน้ำนมแล้วหมักจนเกิดเนื้อสัมผัสที่ข้นขึ้น โยเกิร์ตมีจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ (Probiotics) ที่ช่วยเสริมสร้างสมดุลในระบบทางเดินอาหาร การเลือกทานโยเกิร์ตอย่างเหมาะสมจะช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่จำเป็น อาทิ แคลเซียม โปรตีน และวิตามินต่าง ๆ ทำให้โยเกิร์ตเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่ใส่ใจสุขภาพ โยเกิร์ตรสธรรมชาติ สรรพคุณโดดเด่นในเรื่องช่วยดูแลระบบย่อยอาหาร และมีบทบาทสำคัญในวิถีชีวิตคนยุคใหม่
โยเกิร์ต ประโยชน์ มีอะไรบ้าง?

เมื่อพูดถึงโยเกิร์ต ประโยชน์ของมันมีมากมาย ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของรสชาติเท่านั้น แต่ยังช่วยดูแลสุขภาพในหลายด้านด้วย โยเกิร์ตมีประโยชน์อย่างไรบ้าง? มาดูรายละเอียดแต่ละข้อกัน
1. ทานโยเกิร์ตแก้ท้องผูก
โยเกิร์ตอุดมไปด้วยโปรไบโอติกซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่ดี ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ลดปัญหาท้องผูกในผู้ที่ระบบขับถ่ายไม่ปกติ โดยเฉพาะผู้ที่มักมีปัญหาลำไส้แปรปรวน กินโยเกิร์ตช่วยอะไรระบบขับถ่ายเป็นปกติ ลดความอึดอัดท้องและส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร
2. ทานโยเกิร์ตควบคุมน้ำหนัก
โยเกิร์ตไขมันต่ำหรือโยเกิร์ตรสธรรมชาติเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพสูง ช่วยให้อิ่มนาน เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ควบคุมแคลอรี่ และลดความอยากอาหาร การเลือกทานโยเกิร์ตในปริมาณที่เหมาะสมมีข้อดีของโยเกิร์ตต่อการดูแลรูปร่างโดยไม่ต้องกลัวผลข้างเคียงที่ไม่ต้องการ
3. ทานโยเกิร์ตกระตุ้นการทำงานลำไส้
การกินโยเกิร์ตทุกวันช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบลำไส้ ลดปัญหาลำไส้แปรปรวน และเพิ่มปริมาณจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในร่างกาย สรรพคุณโยเกิร์ตข้อนี้จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพลำไส้และการย่อยอาหารโดยตรง
4. ทานโยเกิร์ตรักษาเชื้อราในช่องคลอด
โปรไบโอติกในโยเกิร์ตสามารถช่วยเสริมสร้างสมดุลจุลินทรีย์ภายในช่องคลอด ลดโอกาสเกิดเชื้อราในผู้หญิง โยเกิร์ต ประโยชน์ในข้อนี้เหมาะกับผู้หญิงที่ต้องการดูแลสุขภาพจุดซ่อนเร้น ทั้งนี้ควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติเป็นหลัก
5. โยเกิร์ตมีแคลเซียมสูง เสริมสร้างกระดูและฟันให้แข็งแรง
แคลเซียมในโยเกิร์ตช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรงเหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ การเลือกโยเกิร์ตที่มีปริมาณน้ำตาลน้อยช่วยให้ได้รับประโยชน์ของโยเกิร์ตสูงสุดโดยไม่เพิ่มน้ำหนักตัว
6. ทานโยเกิร์ตลดกลิ่นปาก
การรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก อันเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก นอกจากนั้นโยเกิร์ต ประโยชน์ยังช่วยลดการเกิดปัญหาสุขภาพช่องปากอื่น ๆ อีกด้วย
7. ทานโยเกิร์ตลดระดับคอเลสเตอรอล
งานวิจัยบางฉบับชี้ว่าการทานโยเกิร์ตเป็นประจำช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด สรรพคุณโยเกิร์ตนี้เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพหัวใจและลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
8. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
โยเกิร์ตโดยเฉพาะโยเกิร์ตรสธรรมชาติมีคุณสมบัติช่วยลดไขมันไม่ดีในร่างกาย การทานอย่างเหมาะสมและต่อเนื่องจะส่งผลดีต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ กินโยเกิร์ตทุกวัน ผลดีต่อสุขภาพโดยรวม
กินโยเกิร์ต เวลาไหนดี?

หลายคนสงสัยว่าโยเกิร์ตควรกินตอนไหนจึงจะได้รับประโยชน์สูงสุด โยเกิร์ต ประโยชน์จะเห็นผลชัดเจนหากเลือกกินในเวลาที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน
กินโยเกิร์ตตอนเช้า (06.00 – 07.00 น.)
การเริ่มวันใหม่ด้วยโยเกิร์ตช่วยเติมพลังงานและจุลินทรีย์ที่ดีให้กับร่างกาย และการกินโยเกิร์ตยังช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายและปรับสมดุลลำไส้ตั้งแต่เช้า เหมาะสำหรับคนที่มักมีปัญหาท้องผูก
กินโยเกิร์ตตอนกลางวัน (11.00 – 13.00 น.)
ช่วงกลางวันเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องการพลังงานและสารอาหารเพิ่มเติม การทานโยเกิร์ตระหว่างวันช่วยลดความหิวและเสริมโปรตีนสำหรับผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก
กินโยเกิร์ตตอนเย็น (18.00 – 19.00 น.)
การรับประทานโยเกิร์ตในช่วงเย็นเหมาะสำหรับคนที่ต้องการของว่างเบา ๆ ไม่เพิ่มแคลอรี่ เหมาะกับผู้ที่มีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ โยเกิร์ตมีประโยชน์อย่างไรในช่วงนี้? ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังจากทำกิจกรรมระหว่างวัน
กินโยเกิร์ตก่อนนอน (19.30 – 20.00 น.)
การทานโยเกิร์ตก่อนนอนช่วยเสริมจุลินทรีย์ในลำไส้ระหว่างพักผ่อน ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีในวันรุ่งขึ้น สรรพคุณโยเกิร์ตข้อนี้เหมาะกับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง
คุณค่าทางโภชนาการของโยเกิร์ต มีอะไรบ้าง?

ประโยชน์ของโยเกิร์ต นอกจากจะอยู่ที่จุลินทรีย์แล้วยังมาจากสารอาหารมากมายที่โยเกิร์ตมอบให้ โยเกิร์ตมีประโยชน์อย่างไรอีกหลายเรื่อง? มาดูข้อมูลทางโภชนาการแบบละเอียดกัน
- โปรตีน: ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
- แคลเซียม: เสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- วิตามินบี2, บี12: ช่วยบำรุงประสาทและสมอง
- โปรไบโอติก: จุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ช่วยปรับสมดุลลำไส้
- โพแทสเซียมและแมกนีเซียม: ช่วยควบคุมสมดุลของเหลวในร่างกาย
- วิตามินดี: ช่วยในการดูดซึมแคลเซียมให้ดียิ่งขึ้น
- ไขมันดี: ให้พลังงานและดูแลระบบร่างกาย
- น้ำตาลธรรมชาติ: ควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่มีน้ำตาลหรือไขมันต่ำเพื่อสุขภาพที่ดี
โยเกิร์ต เหมาะกับใครบ้าง?
แม้ว่าโยเกิร์ตจะเหมาะกับหลายกลุ่มคน แต่ก็มีคนบางกลุ่มที่เหมาะสมและจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากเมื่อกินโยเกิร์ต
- เด็กและวัยรุ่น: ได้รับแคลเซียมและโปรตีนสำหรับการเจริญเติบโต
- ผู้สูงอายุ: เสริมสร้างกระดูกและฟัน ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน
- ผู้ที่มีปัญหาท้องผูก: โปรไบโอติกในโยเกิร์ตช่วยปรับสมดุลลำไส้
- ผู้ที่ควบคุมน้ำหนัก: โยเกิร์ตไขมันต่ำเหมาะกับการเป็นอาหารว่างระหว่างวัน
- ผู้ที่ออกกำลังกาย: ได้รับโปรตีนและแร่ธาตุที่ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ
- ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพลำไส้: จุลินทรีย์ในโยเกิร์ตช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่ต้องการอาหารที่ย่อยง่าย: โยเกิร์ตมีโปรตีนที่ย่อยง่ายกว่านมวัว
อ่านบทความนี้ >> อาหารที่มีโปรไบโอติกดีอย่างไร
โยเกิร์ต ไม่เหมาะสำหรับใครบ้าง?
ถึงแม้โยเกิร์ต ประโยชน์จะมีมาก แต่ก็มีบางกลุ่มที่ควรระมัดระวังหรือหลีกเลี่ยงการทานโยเกิร์ต กินโยเกิร์ตทุกวัน ผลเสียอาจเกิดขึ้นได้ในกลุ่มเหล่านี้
- ผู้ที่แพ้นมหรือแลคโตส: ควรเลือกโยเกิร์ตสูตรปราศจากแลคโตส
- ผู้ป่วยโรคไต: อาจได้รับแร่ธาตุหรือโพแทสเซียมมากเกินไป
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
- ผู้ที่เป็นเบาหวาน: ควรเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่ไม่มีน้ำตาล
- ผู้ที่แพ้โปรตีนจากนมวัว: ควรหลีกเลี่ยงโยเกิร์ตที่ทำจากนมวัว
- ผู้ที่อยู่ระหว่างรับยาบางชนิด: ควรปรึกษาแพทย์หากต้องทานโยเกิร์ต
- เด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปี: ไม่ควรให้รับประทานโยเกิร์ต
วิธีเลือกทานโยเกิร์ต เพื่อสุขภาพที่ดี!

การเลือกทานโยเกิร์ตอย่างถูกต้องเป็นเรื่องสำคัญ เพราะแม้โยเกิร์ตจะมีประโยชน์แต่หากเลือกผิดอาจไม่ได้รับคุณค่าสูงสุด โดยประโยชน์ของโยเกิร์ตจะเกิดขึ้นหากพิจารณาเรื่องเหล่านี้
- เลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติ: หลีกเลี่ยงน้ำตาลและสารแต่งกลิ่น
- เลือกสูตรไขมันต่ำ: เหมาะสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก
- ดูปริมาณโปรตีนและแคลเซียม: ควรอ่านฉลากโภชนาการ
- หลีกเลี่ยงสารกันบูดและสารปรุงแต่ง: เพื่อสุขภาพระยะยาว
- ตรวจสอบวันหมดอายุ: เพื่อความปลอดภัย
- เลือกยี่ห้อที่มีความน่าเชื่อถือ: ผลิตภัณฑ์ที่ผ่านมาตรฐานอาหาร
- เลือกขนาดบรรจุที่เหมาะกับการบริโภคแต่ละครั้ง: เพื่อรักษาคุณภาพ
- ตรวจสอบปริมาณจุลินทรีย์มีชีวิต (Probiotics): ให้เพียงพอต่อความต้องการ
- ควรทานอย่างสม่ำเสมอและในปริมาณที่พอเหมาะ
แชร์วิธีการทำโยเกิร์ต ที่คุณสามารถเองได้ที่บ้าน!

รู้หรือไม่ว่าโยเกิร์ตสามารถทำทานเองที่บ้านได้แบบง่าย ๆ โยเกิร์ต ประโยชน์สูงจากการทำเองที่บ้าน ควบคุมวัตถุดิบและปริมาณน้ำตาลได้ด้วยตนเอง เหมาะกับผู้ที่รักสุขภาพและต้องการโยเกิร์ตรสธรรมชาติ สรรพคุณที่ปลอดภัย
ส่วนผสมโยเกิร์ต มีอะไรบ้าง?
- นมสดหรือนมพร่องมันเนย: เลือกสูตรที่เหมาะกับสุขภาพ
- โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (เป็นหัวเชื้อ): เลือกสูตรที่ไม่มีน้ำตาล
- น้ำตาลทรายแดง (ถ้าต้องการรสหวาน): ใส่เล็กน้อย
- ผลไม้สด (ถ้าต้องการ): เพิ่มรสชาติและไฟเบอร์
- ภาชนะสำหรับหมักโยเกิร์ต: เพื่อรักษาความสะอาดและรสชาติ
(ประโยชน์โยเกิร์ตจะชัดเจนหากเลือกใช้วัตถุดิบในการทำโยเกิร์ตที่ปลอดภัย)
ขั้นตอนการทำโยเกิร์ต
- ต้มและอุ่นนม: ต้มนมให้เดือดแล้วพักให้อุ่นลงเหลือประมาณ 45°C
- เติมหัวเชื้อโยเกิร์ต: คนให้เข้ากัน
- เทใส่ภาชนะ: ปิดฝาให้สนิท
- หมักในอุณหภูมิห้อง 6-8 ชั่วโมง: ให้จุลินทรีย์ทำงาน
- เก็บในตู้เย็น: เมื่อได้เนื้อข้นตามต้องการ
- เสิร์ฟพร้อมผลไม้หรือรับประทานเปล่า ๆ: เพื่อสุขภาพ
อ่านบทความนี้ >> วิธีแก้โยเกิร์ตเหลวแบบง่ายๆ จบปัญหาโยเกิร์ตไม่ข้น
ข้อควรระมัดระวังในการรับประทานโยเกิร์ต
การทานโยเกิร์ตอาจมีข้อควรระวังในบางกรณีเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด และไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย แม้โยเกิร์ต ประโยชน์มีมาก แต่ต้องเลือกให้เหมาะสม!
- เลือกสูตรที่เหมาะกับตนเอง: คนที่แพ้นมควรเลือกสูตรปลอดแลคโตส
- ไม่ควรทานเกินปริมาณที่แนะนำ: เพื่อป้องกันปัญหาเกี่ยวกับน้ำตาลหรือไขมัน
- ควรหลีกเลี่ยงโยเกิร์ตที่มีน้ำตาลสูง: โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน
- อ่านฉลากโภชนาการก่อนซื้อ: เพื่อดูปริมาณแคลเซียมและโปรตีน
- ควรเลือกแบรนด์ที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐาน
- สังเกตอาการผิดปกติหลังรับประทาน: หากมีอาการผิดปกติควรหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์
- ไม่ควรรับประทานร่วมกับยาบางชนิด: หากมีข้อสงสัยควรสอบถามแพทย์หรือเภสัชกร
- ควรเก็บในอุณหภูมิที่เหมาะสมและไม่เกินวันหมดอายุ
สรุป
ประโยชน์ของโยเกิร์ต คือจะให้สุขภาพที่ดีและปรับสมดุลให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลระบบขับถ่าย ควบคุมน้ำหนัก เสริมสร้างกระดูกและฟัน หรือช่วยปรับสมดุลลำไส้ หากเลือกทานอย่างถูกวิธีและเหมาะสมกับร่างกายแต่ละคน จะได้รับข้อดีของโยเกิร์ตครบทุกด้าน สำหรับคนที่กำลังมองหาโยเกิร์ตคุณภาพดี Butterfly Organic เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เหมาะสำหรับทุกคนที่อยากใส่ใจตัวเอง เพราะเราเชื่อว่าการเลือกโยเกิร์ตที่เหมาะสม จะช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ทั้งในเรื่องคุณค่าทางโภชนาการและการดูแลตัวเองในแต่ละวัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับประโยชน์ของโยเกิร์ต
การกินโยเกิร์ตทุกวันช่วยเสริมสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังได้รับโปรตีน แคลเซียม และสารอาหารอื่น ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งประโยชน์ของโยเกิร์ตในประเด็นนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพโดยรวม
การเลือกกินโยเกิร์ตในช่วงเช้า หรือช่วงก่อนนอนเป็นช่วงเวลาที่ดี เพราะช่วยปรับสมดุลระบบทางเดินอาหารและสนับสนุนการทำงานของลำไส้ โยเกิร์ต ประโยชน์ของการกินในเวลาที่เหมาะสมจะยิ่งเห็นผลดีต่อสุขภาพ
ผู้ที่แพ้แลคโตสหรือโปรตีนจากนมวัว ผู้ป่วยโรคไต หรือเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 1 ปี ควรหลีกเลี่ยงหรือเลือกสูตรที่เหมาะกับตัวเอง โยเกิร์ตมีประโยชน์อย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคลและสภาวะสุขภาพ
ไม่ควรรับประทานโยเกิร์ตร่วมกับยาบางชนิดโดยไม่ปรึกษาแพทย์ และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานคู่กับอาหารหรือขนมที่มีน้ำตาลสูง เพราะอาจลดข้อดีของโยเกิร์ตในแง่ควบคุมน้ำหนักและสุขภาพลำไส้
ผู้ป่วยโรคไตวายเรื้อรัง โรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ที่มีภาวะแพ้แลคโตส ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานโยเกิร์ต หรือเลือกสูตรที่ปลอดภัย โดยควรขอคำแนะนำจากแพทย์
ปริมาณที่แนะนำสำหรับผู้ใหญ่คือ 1 ถ้วย (ประมาณ 100-150 กรัม) ต่อวัน ทั้งนี้ควรเลือกสูตรที่เหมาะสมและไม่เติมน้ำตาลส่วนเกิน เพื่อให้ได้ประโยชน์ของโยเกิร์ตสูงสุด
การเลือกยี่ห้อควรคำนึงถึงมาตรฐานการผลิต สูตรที่เหมาะกับร่างกาย (เช่น รสธรรมชาติ ไขมันต่ำ) และความน่าเชื่อถือของผู้ผลิต Butterfly Organic คืออีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ
บางคนอาจมีปัญหาการย่อยแลคโตสในโยเกิร์ต หรือแพ้โปรตีนจากนมวัว ทำให้เกิดอาการท้องอืด ควรเลือกโยเกิร์ตสูตรปลอดแลคโตส หรือสูตรที่เหมาะกับร่างกาย
โยเกิร์ตไขมันต่ำโดยทั่วไปมีแคลอรี่น้อย เหมาะสำหรับผู้ควบคุมน้ำหนัก แต่ควรดูปริมาณน้ำตาลในฉลากโภชนาการด้วย เพื่อไม่ให้ข้อดีของโยเกิร์ตกลายเป็นผลเสีย