OEM คืออะไร แตกต่างกับ ODM หรือไม่ ทำไมทำธุรกิจนี้น่าสนใจ

Picture of Editor

Editor

สารบัญบทความ

ในโลกธุรกิจสมัยใหม่ แบรนด์ดังหลายเจ้าเลือกที่จะไม่ผลิตสินค้าด้วยตัวเองแล้ว แต่หันไปใช้บริการของบริษัท OEM คือ ผู้รับจ้างผลิตสินค้าตามสั่งแทน โดย OEM เป็นบริการที่ทางโรงงานจะผลิตสินค้าตามสเปกที่ทางแบรนด์กำหนดมา แล้วให้แบรนด์เหล่านั้นนำไปขายในชื่อของตัวเองต่อได้เลย 

สินค้า OEM คือบริการที่มีรูปแบบหลากหลาย มีทั้ง ODM คือบริการที่โรงงานออกแบบและผลิตสินค้าให้เสร็จสรรพ ลูกค้าเอาไปติดแบรนด์ของตัวเองแล้วขายได้ทันที ด้วยความสะดวกและยังลดต้นทุนการผลิตลงได้จึงทำให้แบรนด์ดังต่างๆ หันไปใช้บริการ OEM หรือ ODM แทนการผลิตแบบ OBM คือแบรนด์ต้องผลิตสินค้าและจำหน่ายเองกันเกือบหมดแล้ว สำหรับใครที่อยากจะเข้าใจการทำงานของระบบการผลิตเหล่านี้มากขึ้น วันนี้เราก็ได้รวบรวมและเปรียบเทียบการทำธุรกิจผลิตสินค้าจำหน่ายแต่ละรูปแบบมาให้วิเคราะห์และตัดสินใจเลือกลงทุนกันได้เลย      

 OEM ย่อมาจาก บริษัทที่ผลิตสินค้า (หรือชิ้นส่วนสินค้า) ให้แบรนด์อื่นนำไปขายต่อภายใต้ชื่อแบรนด์ของตัวเอง โดยคำว่า OEM ย่อมาจาก Original Equipment Manufacturer แปลตรงตัวคือ ผู้ผลิตอุปกรณ์ดั้งเดิม หรือ ผู้ผลิตสินค้าให้ OEM brand อื่นอีกที อธิบายกันอย่างง่ายๆ หมายถึง โรงงาน OEM คือ บริษัทหรือโรงงานที่มีหน้าที่รับจ้างผลิตสินค้าอย่างเดียวเท่านั้น ส่วนเรื่องการจำหน่ายก็เป็นกรรมสิทธิ์ของแบรนด์ที่จ้างมาโดยตรง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือสมาร์ทโฟนรุ่นดังบางยี่ห้อใช้ชิปจาก Intel, หน้าจอจาก Samsung หรือแม้แต่ iPhone ที่ผลิตโดย Foxconn แต่ถูกขายภายใต้ชื่อแบรนด์ Apple เป็นต้น บทบาทสำคัญของ OEM จะเป็นการช่วยให้บริษัทต่างๆ ลดต้นทุนการผลิตและมีเวลาที่จะไปโฟกัสที่การออกแบบหรือการตลาดแทนได้

ตัวอย่างการใช้งานจริงของ OEM

  • บริษัท A มีแบรนด์สินค้าของตัวเอง แต่ไม่มีโรงงานผลิต → จ้างบริษัท B ผลิตสินค้าให้ภายใต้แบรนด์ของบริษัท A → บริษัท B คือ OEM
  • สินค้า oem คืออะไรบ้าง? →  ในวงการอิเล็กทรอนิกส์ โน้ตบุ๊กบางแบรนด์อาจใช้ฮาร์ดแวร์จากผู้ผลิต OEM เช่น ชิป Intel, หน้าจอจาก LG, แบตเตอรี่จาก Panasonic เป็นต้น โดย 
  • OEM ยอดนิยมในอุตสาหกรรมจะมีดังนี้
  1. ยานยนต์ (อะไหล่รถ)
  2. อิเล็กทรอนิกส์ (ฮาร์ดดิสก์, การ์ดจอ)
  3. เครื่องใช้ไฟฟ้า

ข้อดีของ OEM

  • ไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงานเอง ลดต้นทุนมหาศาลในการตั้งโรงงาน ผลิตสินค้าได้ทันทีโดยใช้โรงงานคนอื่น
  • ลดความยุ่งยากด้านการผลิต แบรนด์สามารถโฟกัสกับการทำตลาด, ออกแบบ, และขายสินค้า ไม่ต้องบริหารงานผลิตเอง ตั้งสเปคสินค้าได้ตามต้องการ สามารถกำหนดคุณภาพ รูปร่าง และมาตรฐานของสินค้าให้ตรงกับความต้องการได้
  • ขยายตลาดได้เร็วกว่า ใช้โรงงาน OEM หลายที่พร้อมกัน ทำให้ขยายผลิตภัณฑ์ออกตลาดได้ไวมาก

ข้อควรระวัง

  • คุณภาพอาจแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของแบรนด์ที่สั่งผลิต
  • บางครั้งถูกนำไปเปรียบเทียบกับสินค้าแท้ (Original) แม้จะมาจากโรงงานเดียวกัน
  • สินค้า OEM จึงเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างแบรนด์เองโดยไม่ต้องผลิตสินค้าตั้งแต่ต้น แต่ต้องเลือกผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานเพื่อให้ได้สินค้าคุณภาพดี

ODM คือ บริษัทที่มีบริการทั้งออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัทอื่น (แบรนด์) เพื่อนำไปขายภายใต้ชื่อแบรนด์ของตัวเอง OEM ODM คือบริการที่คล้ายกันแต่จะต่างกันตรงที่ ODM จะเพิ่มขั้นตอนการออกแบบสินค้าเข้าไปด้วย ไม่ได้เป็นเพียงผู้ผลิตสินค้าตามที่แบรนด์สั่งอย่างเดียว โดย ODM ย่อมาจาก Original Design Manufacturer ซึ่งเป็นการทำธุรกิจที่ช่วยให้แบรนด์ไม่ต้องออกแบบหรือพัฒนาสินค้าเองเลย แต่สามารถเลือกจากแบบที่ผู้ผลิต ODM มีอยู่แล้วได้ หรือร่วมกันปรับแต่งให้ตรงกับความต้องการได้ ทำให้เกิดความสะดวกแก่ลูกค้า ไม่ต้องออกแบบเอง แค่เลือกแบบที่โรงงานเสนอมา หรือสั่งปรับแต่งเล็กน้อย เหมาะกับธุรกิจที่อยากมีสินค้าของตัวเอง แต่ไม่อยากลงทุนสร้างโรงงานหรือพัฒนากระบวนการผลิตเอง โดย ODM ช่วยให้แบรนด์ ประหยัดเวลา, เงิน, และทรัพยากร ในการพัฒนาสินค้า 

 ข้อดีของ ODM

  • ลดต้นทุนการวิจัยและพัฒนา (R&D)
  • ประหยัดเวลาเพราะไม่ต้องเริ่มต้นจากศูนย์
  • เหมาะสำหรับแบรนด์ที่ไม่มีเทคโนโลยีหรือกำลังการผลิต

ตัวอย่างอุตสาหกรรมที่ใช้ ODM

  • อิเล็กทรอนิกส์ (สมาร์ทโฟน, แล็ปท็อป)
  • เครื่องใช้ไฟฟ้า
  • ของใช้ในบ้าน
  • เครื่องสำอาง

สำหรับใครที่มีสินค้าของตัวเอง ผลิตเอง ขายเอง ก็จะเป็นธุรกิจในรูปแบบ OBM ซึ่งเป็นการดำเนินธุรกิจที่สร้างสินค้าและจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของตัวเองทั้งหมด ออกแบบเอง ผลิตเอง และทำตลาดเอง โดยไม่ได้เอาสินค้าไปขายให้คนอื่นติดแบรนด์ใหม่

ตัวอย่างแบรนด์ที่ทำธุรกิจในรูปแบบ OBM

  • Apple (iPhone, MacBook)
  • Samsung (Galaxy phone, TV)
  • Nike (รองเท้า เสื้อผ้า)

ข้อจำกัดการทำธุรกิจในรูปแบบ OBM

 1. ใช้เงินลงทุนสูง

ต้องลงทุนด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์, การผลิตและการทำตลาด ค่าใช้จ่ายเยอะกว่าการเป็น OEM ODM คือ รับจ้างผลิตแน่นอน

2. ความเสี่ยงทางการตลาดสูง

คุณต้องสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์เอง ถ้าการตลาดไม่ดี ลูกค้าก็จะไม่รู้จักแบรนด์  ขายสินค้าไม่ได้ มีความเสี่ยงในการขาดทุนสูง

 3. ต้องมีทีมงานรอบด้าน

ต้องมีทีมงานที่มีความรู้ด้านการตลาด การออกแบบ การขาย และการบริหารแบรนด์ ถ้าขาดทักษะเหล่านี้ไปธุรกิจก็เติบโตได้ช้าหรืออาจสะดุดลงได้

4. ต้องใช้เวลาในการสร้างแบรนด์

กว่าแบรนด์ OBM จะเป็นที่รู้จักของผู้คนได้ก็ต้องใช้เวลาในการสร้างชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือ ไม่เหมือน OEM/ODM ที่ไม่จำเป็นต้องสร้างชื่อเสียงมากนัก เน้นแค่กำไรจากการผลิตสินค้าให้คนอื่น

  • OEM ผลิตตามแบบลูกค้า เช่น การรับจ้างผลิตนมโยเกิร์ต , ผลิตเครื่องสำอาง
  • ODM บริการทั้งออกแบบ ผลิตให้ลูกค้าเลือกเอาแบรนด์ไปติด เช่น โรงงานทำลิปสติกสำเร็จรูปให้เลือกแล้วติดแบรนด์ได้
  • OBM ทำออกแบบเอง ผลิตเอง และสร้างแบรนด์ตัวเอง เช่น ตัวอย่างแบรนด์ดังๆ ที่มีทำครบวงจร

หลังจากที่ได้ศึกษาว่า OEM หมายถึงอะไรแล้ว จะพบว่ามีข้อดีมากมายในการทำธุรกิจ เพราะการเลือกทำธุรกิจ OEM คือ การทำธุรกิจที่ไม่ต้องลงทุนสร้างโรงงานเอง ลดต้นทุนมหาศาลในการตั้งโรงงาน ลดความยุ่งยากด้านการผลิต ใครกำลังมองหาผลิตภัณฑ์ที่จะทำ OEM แนะนำเลยว่าผลิตภัณฑ์รักสุขภาพกำลังเป็นเทรนด์มาแรงที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องทั้งผลิตภัณฑ์นมและโยเกิร์ต ในยุคที่ผู้คนเริ่มใส่ใจสุขภาพมากขึ้น ยังไงอาหารสายสุขภาพก็ขายดีตลอดกาลแน่นอน และ “Butterfly Organic” ก็มีทั้งบริการรับสร้างแบรนด์ รับผลิตเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ เป็นโรงงานที่ผ่านการรับรองมาตรฐานสากล การันตีในด้านคุณภาพได้อย่างแท้จริง พร้อมจะนำพาคุณมุ่งสู่กำไรที่ยั่งยืน หากใครสนใจ สามารถสอบถามผ่าน LINE OFFICIAL Butterfly Organic ได้เลย

คำถามที่พบบ่อย

OEM หมายถึงอะไร

ผู้ผลิตตามแบบหรือคำสั่งของลูกค้า โดยสินค้าเหล่านั้นจะถูกขายภายใต้ แบรนด์ของลูกค้า ไม่ใช่แบรนด์ของผู้ผลิตเอง

สินค้า OEM คืออะไร

สินค้าที่ โรงงานผลิตให้ตามสั่ง แล้วลูกค้าเอาไปใช้ขายภายใต้แบรนด์ตัวเอง

สินค้า OEM มีอะไรบ้าง

สินค้า OEM มีหลายผลิตภัณฑ์เป็นรูปแบบการผลิตที่ยืดหยุ่นและใช้กันอย่างแพร่หลายทั่วโลก เช่น สินค้าไอที,หูฟัง, ลำโพง Bluetooth,สายชาร์จ, Power Bank เป็นต้น

บทความล่าสุด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า