สารบัญบทความ
Toggleกินโยเกิร์ตตอนไหนดี เป็นคำถามที่หลายคนคงสนใจโดยเฉพาะผู้ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพ เพื่อให้ได้รับคุณประโยชน์จากโยเกิร์ตอย่างเต็มที่ หลายคนยังลังเลว่าควรกินโยเกิร์ตเวลาไหนดี หรือสามารถกินโยเกิร์ตทุกวันได้หรือไม่ บทความนี้ Butterfly Organic จะมาไขข้อสงสัยอย่างละเอียด พร้อมข้อมูลทางโภชนาการจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เพื่อให้คุณสามารถเลือกช่วงเวลากินโยเกิร์ตได้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง และมั่นใจในประโยชน์ของโยเกิร์ตอย่างถูกต้อง
โยเกิร์ต คืออะไร?

โยเกิร์ต คือผลิตภัณฑ์นมที่ผ่านกระบวนการหมักโดยจุลินทรีย์แลคติก (Lactic Acid Bacteria) ทำให้ได้เนื้อสัมผัสเนียนนุ่ม รสชาติเปรี้ยวอมหวาน โยเกิร์ตแต่ละชนิดจะมีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของจุลินทรีย์ที่ใช้หมักและกระบวนการผลิต โดยโยเกิร์ตบางประเภทจะอุดมด้วยโปรไบโอติก ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย โดยเฉพาะต่อระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมคำถามอย่าง โยเกิร์ตควรกินตอนไหน หรือ กินโยเกิร์ตเวลาไหนดี ถึงกลายเป็นคำค้นหายอดนิยม
ประโยชน์ของโยเกิร์ตมีอะไรบ้าง?

หลายคนที่สงสัยว่า โยเกิร์ตควรกินตอนไหน หรือ กินโยเกิร์ตเวลาไหนดี ต่างก็อยากทราบถึงประโยชน์ของโยเกิร์ตที่ได้รับต่อสุขภาพโดยรวม โยเกิร์ตเป็นแหล่งของโปรตีน แคลเซียม และจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ซึ่งส่งผลดีต่อระบบต่าง ๆ ในร่างกายและเหมาะสำหรับการดูแลสุขภาพในแต่ละวัน
ช่วยในการย่อยอาหาร
โยเกิร์ตมีโปรไบโอติกส์ที่ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ส่งผลดีต่อการย่อยอาหารและการขับถ่าย ผู้ที่มีปัญหาท้องผูกหรือระบบทางเดินอาหารไม่สมดุลมักได้รับคำแนะนำให้กินโยเกิร์ตตอนเช้า เพราะเป็นช่วงเวลาที่ควรกินโยเกิร์ตตอนไหนเพื่อช่วยขับถ่ายได้ดีที่สุด
ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน
โยเกิร์ตเป็นแหล่งแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่ดีต่อกระดูกและฟัน การกินโยเกิร์ตทุกวันในปริมาณเหมาะสม จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับโครงสร้างกระดูก ลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุน เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้สูงวัยและเด็กที่กำลังเจริญเติบโต
ช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
โยเกิร์ตอุดมด้วยโปรตีนและไขมันที่ดีต่อสุขภาพ การรับประทานโยเกิร์ตเป็นอาหารว่างหรือตอนเช้าจะช่วยให้อิ่มท้องนาน ลดโอกาสทานจุบจิบ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักและรักษาสัดส่วน
ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน
โปรไบโอติกส์และสารอาหารในโยเกิร์ตมีบทบาทในการเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารและลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง การกินโยเกิร์ตตอนไหนดีจึงขึ้นกับไลฟ์สไตล์และสุขภาพของแต่ละบุคคล
ช่วยบำรุงผิวพรรณ
โยเกิร์ตมีวิตามินบีและสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณให้สดใส ลดความแห้งกร้าน และยังช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรง การรับประทานโยเกิร์ตทุกวันจึงเป็นทางเลือกที่ดีในการดูแลผิวจากภายใน
ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
โยเกิร์ตให้กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ เหมาะสำหรับผู้ที่ออกกำลังกายหรือมีไลฟ์สไตล์แอคทีฟ โดยเฉพาะถ้ากินโยเกิร์ตเวลาไหนดีหลังออกกำลังกายก็จะยิ่งส่งผลดีต่อการฟื้นตัว
ช่วยเพิ่มพลังงาน
ด้วยปริมาณโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุในโยเกิร์ต จะช่วยเติมพลังงานให้ร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นวันใหม่อย่างสดชื่น หรือใช้โยเกิร์ตเป็นอาหารว่างระหว่างวัน
ช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรัง
การรับประทานโยเกิร์ตเป็นประจำสัมพันธ์กับการลดความเสี่ยงของโรคบางชนิด เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน และปัญหาในระบบทางเดินอาหาร การเลือกกินโยเกิร์ตตอนไหนดีจึงเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญสำหรับการดูแลสุขภาพระยะยาว
อ่านบทความ >> วิธีดูแลลำไส้ให้แข็งแรง ฟื้นฟูลำไส้แบบธรรมชาติ
จุดเด่นของโยเกิร์ตแต่ละประเภท?

โยเกิร์ตในท้องตลาดมีให้เลือกหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นโยเกิร์ตชนิดคงตัว โยเกิร์ตชนิดคน กรีกโยเกิร์ต หรือโยเกิร์ตดื่ม แต่ละประเภทต่างก็มีจุดเด่นและข้อดีเฉพาะตัว การเลือกกินโยเกิร์ตเวลาไหนดีจึงขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ รสนิยม และความต้องการทางโภชนาการของแต่ละคน
โยเกิร์ตแท้ ชนิดแข็งตัว
โยเกิร์ตชนิดแข็งตัวหรือโยเกิร์ตแบบดั้งเดิม มีเนื้อแน่น มักใช้เชื้อจุลินทรีย์สายพันธุ์แท้ที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการรับโปรไบโอติกส์อย่างเต็มที่
โยเกิร์ตแท้ ชนิดคน
โยเกิร์ตชนิดคนจะมีเนื้อสัมผัสที่นุ่มและเนียนกว่า ได้รับความนิยมเพราะรับประทานง่าย สามารถเติมผลไม้สดหรือธัญพืชเพื่อเพิ่มคุณค่าทางโภชนาการ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพระบบทางเดินอาหาร
กรีกโยเกิร์ต
กรีกโยเกิร์ตโดดเด่นด้วยเนื้อสัมผัสข้นและโปรตีนสูงกว่ายูเกิร์ตทั่วไป เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสริมโปรตีนหลังออกกำลังกายหรือควบคุมน้ำหนัก กรีกโยเกิร์ตออร์แกนิคจึงตอบโจทย์คนรักสุขภาพอย่างแท้จริง
โยเกิร์ตปรุงแต่งชนิดดื่ม
โยเกิร์ตชนิดดื่มมักผ่านการเติมรสชาติและน้ำตาล เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกและรสชาติอร่อย แต่อาจควรเลือกแบบที่มีน้ำตาลต่ำเพื่อลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพในระยะยาว
โยเกิร์ตที่ไม่ได้ทำมาจากนม
โยเกิร์ตทางเลือก เช่น โยเกิร์ตจากถั่วเหลือง อัลมอนด์ หรือมะพร้าว เหมาะสำหรับผู้ที่แพ้แลคโตสหรือเลือกบริโภคผลิตภัณฑ์จากพืช การกินโยเกิร์ตเวลาไหนดีสำหรับคนกลุ่มนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกและความต้องการทางสุขภาพ
โยเกิร์ตควรกินตอนไหน กินทุกวันได้ไหม?

หลายคนสงสัยว่ากินโยเกิร์ตตอนไหนดีและสามารถกินโยเกิร์ตทุกวันได้หรือไม่ ความจริงคือการกินโยเกิร์ตเป็นประจำในปริมาณเหมาะสม (1-2 ถ้วยต่อวัน) จะส่งผลดีต่อสุขภาพ โดยเฉพาะถ้าเลือกโยเกิร์ตที่มีโปรตีนสูง น้ำตาลต่ำ และปราศจากสารเติมแต่ง อย่างไรก็ดี ผู้ที่แพ้นมหรือมีปัญหาสุขภาพเฉพาะด้านควรปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกกินโยเกิร์ตทุกวัน
ประโยชน์ของการกินโยเกิร์ตทุกวัน

การกินโยเกิร์ตตอนไหนดี หรือกินโยเกิร์ตทุกวันดีไหม เป็นคำถามที่หลายคนใส่ใจ เพราะโยเกิร์ตเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและเหมาะกับการดูแลสุขภาพในชีวิตประจำวัน การเลือกกินโยเกิร์ตควรกินตอนไหนจึงสำคัญ เพราะช่วยให้ร่างกายได้รับประโยชน์สูงสุดในแต่ละมื้ออาหาร
- เสริมระบบย่อยอาหารและขับถ่าย: โยเกิร์ตมีโปรไบโอติกส์ที่ช่วยปรับสมดุลลำไส้ และกระตุ้นระบบขับถ่าย เหมาะสำหรับคนที่มองหาวิธีช่วยขับถ่ายหรือมีปัญหาท้องผูก
- ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน: ด้วยปริมาณแคลเซียมและโปรตีนที่สูง การกินโยเกิร์ตทุกวันจะช่วยป้องกันภาวะกระดูกพรุนและบำรุงฟันให้แข็งแรง
- ควบคุมน้ำหนักและสร้างความอิ่มท้อง: โยเกิร์ตมีโปรตีนสูง ไขมันต่ำ เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือเลือกกินโยเกิร์ตตอนไหนดีเพื่อลดการกินจุบจิบระหว่างวัน
- ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน: โยเกิร์ตที่อุดมด้วยจุลินทรีย์ที่ดีต่อร่างกาย จะช่วยสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันให้ทำงานได้เต็มที่
- บำรุงผิวพรรณและฟื้นฟูกล้ามเนื้อ: ในโยเกิร์ตมีวิตามินบีและกรดอะมิโนจำเป็นที่ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวและกล้ามเนื้อ เหมาะกับผู้ที่ออกกำลังกายหรือดูแลรูปร่าง
- ลดความเสี่ยงโรคเรื้อรัง: การกินโยเกิร์ตเวลาไหนดีมีผลต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น ลดความเสี่ยงโรคอ้วน เบาหวาน และโรคในระบบทางเดินอาหาร
- เติมพลังงานให้ร่างกาย: โยเกิร์ตเหมาะสำหรับการเริ่มต้นวันใหม่หรือเป็นอาหารว่างระหว่างวัน เพราะช่วยให้ร่างกายสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า
การกินโยเกิร์ตทุกวันในปริมาณที่เหมาะสมและเลือกชนิดที่ดี จะช่วยให้คุณได้รับคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วนและดูแลสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อ่านบทความ >> โพรไบโอติกส์ คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร?
ผลเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการกินโยเกิร์ตทุกวัน
แม้การกินโยเกิร์ตตอนไหนดีก็ตาม แต่หากรับประทานโยเกิร์ตที่มีน้ำตาลสูงหรือในปริมาณมากเกินไป อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มหรือเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ได้ นอกจากนี้ผู้ที่มีภาวะแพ้แลคโตสหรือแพ้นมควรหลีกเลี่ยงการกินโยเกิร์ตทุกวัน เพื่อป้องกันอาการไม่พึงประสงค์ เช่น ท้องอืด ปวดท้อง หรือท้องเสีย การเลือกกินโยเกิร์ตเวลาไหนดีที่สุดและเหมาะสมกับร่างกายจึงสำคัญ
กินโยเกิร์ตเวลาไหนดีที่สุด?

หากคุณกำลังถามว่ากินโยเกิร์ตตอนไหนดีและกินโยเกิร์ตเวลาไหนดีที่สุด คำตอบคือช่วงเวลาที่ร่างกายสามารถดูดซึมประโยชน์ได้มากที่สุด ได้แก่ ช่วงเช้า (ท้องว่าง), ระหว่างวัน, หรือก่อนนอน โดยแต่ละช่วงเวลาจะมีข้อดีแตกต่างกัน ทั้งนี้ควรเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมกับพฤติกรรมและเป้าหมายสุขภาพของตนเอง
กินโยเกิร์ตแต่ละเวลามีข้อดีอย่างไร?
แต่ละช่วงเวลาที่กินโยเกิร์ต มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน ทั้งเช้า บ่าย เย็น หรือก่อนนอน ล้วนให้ประโยชน์ตามจังหวะการทำงานของระบบในร่างกาย โดยควรกินโยเกิร์ตเวลาไหนดีและเลือกช่วงเวลาที่สอดคล้องกับเป้าหมายสุขภาพของคุณ เพื่อได้รับผลลัพธ์สูงสุด
กินโยเกิร์ตตอนเช้า
การกินโยเกิร์ตตอนเช้าขณะท้องว่างจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมโปรตีนและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลระบบขับถ่ายและเติมพลังงานตั้งแต่เริ่มวัน
กินโยเกิร์ตระหว่างมื้อหรือช่วงบ่าย
การกินโยเกิร์ตระหว่างวันจะช่วยปรับสมดุลระบบลำไส้ ลดอาการแน่นท้องและเสริมสร้างสุขภาพทางเดินอาหาร เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาการขับถ่ายหรืออยากควบคุมน้ำหนัก
กินโยเกิร์ตก่อนนอน
การกินโยเกิร์ตก่อนนอนช่วยเสริมความผ่อนคลายและกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการนอนหลับ นอกจากนี้ยังช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเติมโปรตีนในช่วงเวลาที่ร่างกายพักฟื้น
โยเกิร์ตเหมาะกับใคร?
หากคุณสงสัยว่าโยเกิร์ตเหมาะกับใคร เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่ ต้องขอเกริ่นก่อนว่าโยเกิร์ตเป็นอาหารที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ใส่ใจสุขภาพและต้องการดูแลระบบทางเดินอาหาร แต่เพื่อให้มั่นใจก่อนรับประทานควรเลือกชนิดและสูตรให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
- เด็กและวัยรุ่น: โยเกิร์ตช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน เหมาะกับช่วงวัยเจริญเติบโต
- ผู้ใหญ่: ช่วยดูแลระบบย่อยอาหารและปรับสมดุลลำไส้
- ผู้สูงวัย: ช่วยเติมแคลเซียม ลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุน
- นักกีฬา/ผู้ที่ออกกำลังกาย: เสริมสร้างกล้ามเนื้อและช่วยฟื้นฟูหลังออกกำลังกาย
- ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก: กินโยเกิร์ตช่วงเช้า หรือช่วงที่ท้องว่างจะช่วยให้อิ่มท้อง ลดการกินจุบจิบ
- ผู้ที่ต้องการดูแลผิวพรรณ: โยเกิร์ตมีสารอาหารที่ช่วยบำรุงผิวและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ผู้ที่มีปัญหาขับถ่าย: โยเกิร์ตโปรไบโอติกส์ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ลดปัญหาท้องผูก
ใครบ้างที่ควรทานโยเกิร์ต?
กินโยเกิร์ตตอนไหนดี หรือใครบ้างที่ควรทานโยเกิร์ต? ความจริงคือโยเกิร์ตเหมาะกับคนทั่วไป แต่บางกลุ่มก็ได้รับประโยชน์มากเป็นพิเศษ ในขณะที่บางคนควรเลือกสูตรเฉพาะหรือหลีกเลี่ยงตามคำแนะนำแพทย์
- คนที่ต้องการดูแลสุขภาพลำไส้: กินโยเกิร์ตทุกวันจะช่วยเสริมจุลินทรีย์ดีในลำไส้
- ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก: โยเกิร์ตไขมันต่ำหรือกรีกโยเกิร์ตเหมาะสำหรับเป็นอาหารว่าง
- ผู้ที่ต้องการเสริมแคลเซียม: โยเกิร์ตเหมาะสำหรับวัยสูงอายุหรือผู้ที่ขาดแคลเซียม
- ผู้ที่ออกกำลังกาย: กินโยเกิร์ตเวลาไหนดีหลังออกกำลังกาย ช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อ
- ผู้ที่มีปัญหาการขับถ่าย: กินโยเกิร์ตมีสรรพคุณช่วยดูแลขับถ่าย เพื่อกระตุ้นระบบลำไส้
- ผู้ที่แพ้แลคโตส: สามารถเลือกโยเกิร์ตสูตรที่ไม่มีแลคโตสหรือโยเกิร์ตจากพืช
- ผู้ที่อยากดูแลผิวพรรณ: โยเกิร์ตมีสารอาหารที่ดีต่อผิว เหมาะสำหรับคนรักผิว
ขอนำเสนอ กรีกโยเกิร์ต ออร์แกนิค จาก Butterfly Organic

สำหรับผู้ที่กำลังมองหาโยเกิร์ตที่ให้ทั้งคุณค่าทางโภชนาการและมาตรฐานความปลอดภัย กรีกโยเกิร์ต ออร์แกนิค จาก Butterfly Organic ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่อยากนำเสนอ กรีกโยเกิร์ตของแบรนด์เราผลิตจากนมออร์แกนิค 100% ผ่านกระบวนการหมักโดยจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์สายพันธุ์ดี จึงให้โปรตีนสูงและปราศจากสารปรุงแต่งที่ไม่จำเป็น อีกทั้งยังไม่มีการเติมน้ำตาลหรือสารคงตัว ช่วยให้มั่นใจได้ว่าคุณจะได้รับสารอาหารครบถ้วนในทุกคำที่ทาน เหมาะกับคนรักสุขภาพที่ใส่ใจในรายละเอียดของวัตถุดิบและมาตรฐานการผลิต
มองหาโยเกิร์ตคุณภาพดี ลองพิจารณาสินค้า Butterfly Organic
หากคุณให้ความสำคัญกับคุณภาพและความปลอดภัยในการเลือกโยเกิร์ต Butterfly Organic คือแบรนด์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้อย่างลงตัว ผลิตภัณฑ์โยเกิร์ตออร์แกนิคของที่นี่คัดสรรน้ำนมจากวัวที่เลี้ยงด้วยวิถีธรรมชาติ ปราศจากสารเคมีและสารเร่งโต มั่นใจได้ในมาตรฐานออร์แกนิคแท้ 100% พร้อมกระบวนการผลิตที่ใส่ใจในทุกขั้นตอน นอกจากรสชาติที่ดีแล้ว ยังส่งเสริมสุขภาพในทุกช่วงวัย เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังมองหาโยเกิร์ตคุณภาพดีในตลาดปัจจุบัน
สรุป
กินโยเกิร์ตตอนไหนดี กลายเป็นคำถามยอดนิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพและผู้ที่ใส่ใจโภชนาการในแต่ละวัน โยเกิร์ตควรกินตอนไหน หรือ กินโยเกิร์ตเวลาไหนดี ขึ้นอยู่กับเป้าหมายสุขภาพและไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นช่วงเช้า บ่าย หรือก่อนนอนก็ล้วนแต่มีข้อดีเฉพาะตัว หากเลือกกินโยเกิร์ตทุกวันในปริมาณเหมาะสม จะช่วยส่งเสริมระบบขับถ่าย เสริมสร้างกระดูก และดูแลระบบย่อยอาหารได้ดี Butterfly Organic คือหนึ่งในตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งในแง่คุณภาพ มาตรฐานออร์แกนิค และประโยชน์สูงสุดต่อสุขภาพในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการกินโยเกิร์ต
สำหรับผู้ที่สงสัยว่าควรกินโยเกิร์ตตอนไหน หรือกินโยเกิร์ตช่วงเวลาไหนดีที่สุด ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าการกินโยเกิร์ตตอนเช้าในขณะท้องว่าง เป็นช่วงที่ร่างกายจะดูดซึมโปรตีนและจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ได้ดีที่สุด และยังช่วยเสริมสมดุลลำไส้ ช่วยให้การขับถ่ายดีขึ้น
การกินโยเกิร์ตตอนท้องว่าง โดยเฉพาะในช่วงเช้า มีข้อดีคือทำให้จุลินทรีย์โปรไบโอติกส์ในโยเกิร์ตสามารถเข้าสู่ลำไส้ใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหารและการขับถ่าย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่คำถามว่า “กินโยเกิร์ตตอนไหนช่วยขับถ่าย” จึงมีคำตอบคือ “เช้า”
โยเกิร์ตไม่ควรรับประทานพร้อมกับอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีรสเปรี้ยวจัดหรือร้อนจัด เช่น น้ำผลไม้รสเปรี้ยว หรือชาร้อน เพราะอาจทำให้จุลินทรีย์โปรไบโอติกส์ในโยเกิร์ตถูกทำลายหรือทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
การกินโยเกิร์ตหลังออกกำลังกายถือเป็นทางเลือกที่ดี เพราะโปรตีนในโยเกิร์ตช่วยฟื้นฟูกล้ามเนื้อและเติมพลังงานให้ร่างกาย โปรตีนและกรดอะมิโนในโยเกิร์ตจะช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่อ่อนล้าหลังออกกำลังกายได้ดี
โดยทั่วไป การกินโยเกิร์ตทุกวันไม่เป็นอันตรายหากเลือกโยเกิร์ตที่มีคุณภาพดี น้ำตาลต่ำ และรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีภาวะแพ้แลคโตสหรือแพ้นมควรระวังและเลือกสูตรที่เหมาะกับตัวเอง หากเกิดอาการผิดปกติควรหยุดรับประทานและปรึกษาแพทย์
โยเกิร์ตที่มีโปรไบโอติกส์สูง เช่น กรีกโยเกิร์ต หรือโยเกิร์ตชนิดคงตัวที่ใช้จุลินทรีย์มีชีวิต จะช่วยปรับสมดุลลำไส้และเสริมการขับถ่ายได้ดี Butterfly Organic ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่เหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจเรื่องระบบขับถ่าย
บางคนอาจรู้สึกท้องอืดหลังรับประทานโยเกิร์ต ซึ่งอาจเกิดจากการแพ้แลคโตสในนมหรือการเลือกโยเกิร์ตที่มีน้ำตาลสูง แนะนำให้ลองเลือกโยเกิร์ตสูตรน้ำตาลต่ำ หรือสูตรที่ผลิตจากพืชหากมีปัญหาท้องอืดหรือแพ้นม
การกินโยเกิร์ตประมาณ 30-60 นาทีก่อนออกกำลังกายเป็นเวลาที่เหมาะสม เพราะโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตในโยเกิร์ตจะช่วยเพิ่มพลังงานและเตรียมกล้ามเนื้อให้พร้อมสำหรับการออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดีหลังการออกกำลังกาย