จุลินทรีย์ มีอะไรบ้าง ดีต่อร่างกายและสำคัญต่อลำไส้อย่างไร

หลายคนคงเคยได้ยินคำว่าจุลินทรีย์กันมาบ้างแล้ว แต่ก็อาจจะยังสงสัยอยู่ว่าจุลินทรีย์คืออะไร มีประโยชน์อย่างไร เพราะจริง ๆ แล้วจุลินทรีย์ไม่ได้อยู่ไกลตัวเราเลย เพราะมันอยู่รอบ ๆ ตัวเรา และอยู่ในร่างกายเราด้วย ซึ่งจุลินทรีย์บางชนิดช่วยให้ร่างกายแข็งแรง แต่บางชนิดถ้ามีมากเกินไปก็ทำให้เกิดโรคได้ วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสิ่งมีชีวิตขนาดเล็ก จุลินทรีย์ มีอะไรบ้าง ลักษณะของจุลินทรีย์ชนิดต่าง ๆ ประโยชน์และโทษ รวมถึงอาหารและผลิตภัณฑ์เสริมที่ช่วยให้จุลินทรีย์ในร่างกายของเราอยู่ในสมดุลได้

จุลินทรีย์ มีอะไรบ้าง ? จุลินทรีย์มีกี่ประเภท

จุลินทรีย์ หมายถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า หรือ Microorganism คือ สิ่งมีชีวิตที่เราสามารถเจอได้ทั้งในดิน น้ำ อากาศ และร่างกายของเราเองด้วย เพราะมันมีบทบาทสำคัญต่อระบบนิเวศ และสุขภาพของเราโดยตรง ซึ่งชนิดของจุลินทรีย์ตัวที่สำคัญมีอยู่ 5 ประเภท ได้แก่

1. แบคทีเรีย (Bacteria) ซึ่งมีทั้งชนิดดี ที่ช่วยย่อยอาหารและสร้างวิตามินในลำไส้ และชนิดไม่ดีที่ก่อโรคหรือทำให้เกิดการติดเชื้อ
2. ไวรัส (Virus) โดยส่วนใหญ่จะก่อโรค แต่บางชนิดถูกใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เช่น นำไปผลิตวัคซีน
3. รา (Fungi) ซึ่งรวมถึงยีสต์และราบางชนิด ที่ใช้ในอาหารและเครื่องดื่ม เช่น ขนมปังและเบียร์ แต่บางชนิดสามารถก่อโรคได้
4. โปรโตซัว (Protozoa) เป็นจุลินทรีย์เซลล์เดียว ขนาดเล็ก มักพบในน้ำหรืออาหารที่ปนเปื้อน และสามารถก่อโรคในลำไส้หรือเลือดได้
5. สาหร่ายขนาดเล็ก (Microalgae) จุลินทรีย์ชนิดนี้ส่วนมากใช้ประโยชน์ทางอาหาร เพราะเป็นแหล่งโปรตีน ไขมันดี รวมทั้งยังช่วยสร้างออกซิเจนในสิ่งแวดล้อมได้

จุลินทรีย์ดีและจุลินทรีย์ไม่ดีคืออะไร

จุลินทรีย์ดี คือ จุลินทรีย์ที่ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดี ไม่ว่าจะเป็น ไปช่วยย่อยอาหาร สร้างวิตามิน และเสริมภูมิคุ้มกัน อย่างตัวที่เราคุ้นเคย ก็คือแลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) และบิฟิโดแบคทีเรียม (Bifidobacterium) ที่พบในลำไส้ และอาหารสุขภาพอย่าง โยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว ส่วนจุลินทรีย์ไม่ดี จะทำให้เกิดโรคหรืออาการไม่พึงประสงค์ เช่น อีโคไลสายพันธุ์ก่อโรค หรือซาลโมเนลลา ถ้าหากสมดุลของจุลินทรีย์เสียไป จุลินทรีย์ไม่ดีจะเพิ่มจำนวนมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ตามมานั่นเอง

จุลินทรีย์ในร่างกาย มีอะไรบ้าง

ด้วยความที่ร่างกายคนเรามีสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กอยู่หลายล้านล้านตัวเป็นปกติอยู่แล้ว โดยเฉพาะในลำไส้ ซึ่งเป็นบ้านหลักของจุลินทรีย์ดี ๆ เช่น แลคโตบาซิลลัส (Lactobacillus) บิฟิโดแบคทีเรีย (Bifidobacterium) เอสเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli) สายพันธุ์ดี และแบคทีเรียแอนแอโรบิกชนิดต่าง ๆ ซึ่งสิ่งมีชีวิตจิ๋วพวกนี้จะคอยช่วยย่อยอาหาร สร้างวิตามินบางชนิด เสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และควบคุมการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ไม่ดี เราจึงต้องรักษาจุลินทรีย์เหล่านี้ไว้ เพราะถ้าหากจุลินทรีย์ในร่างกายเสียสมดุลไป อาจทำให้เกิดปัญหาลำไส้แปรปรวน ท้องผูก ท้องเสีย หรือภูมิแพ้ได้

อาหารที่มีจุลินทรีย์มีอะไรบ้าง

เราสามารถพบจุลินทรีย์ดีในอาหารหลายชนิด เช่น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว กิมจิ เทมเป้ มิโสะ รวมถึงผักและผลไม้สดบางชนิด อาหารเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นอาหารหมักดองหรือผ่านกระบวนการบ่ม ซึ่งช่วยเติมจุลินทรีย์ดี เข้าสู่ร่างกาย ทำให้ลำไส้ ระบบย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น เสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงต่อการเกิดลำไส้แปรปรวน ทำให้หลายคนหันมาเลือกทานอาหารที่มีจุลินทรีย์ดีอย่างสม่ำเสมอมากขึ้น เพราะเป็นวิธีง่าย ๆ ที่ช่วยดูแลสุขภาพลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จุลินทรีย์มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างไร

จุลินทรีย์มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ทั้งการช่วยย่อยอาหาร และดูดซึมสารอาหารให้ร่างกายนำไปใช้ได้เต็มที่ นอกจากนี้ยังสามารถผลิตวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระที่จำเป็นต่อร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกันและช่วยป้องกันเชื้อโรค ลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ รวมถึงลดการอักเสบในลำไส้และทั่วร่างกาย รวมทั้งสายเฮลท์ตี้หลายคนยังให้ความสำคัญสำหรับการช่วยควบคุมน้ำหนัก และรักษาสมดุลฮอร์โมนโดยเฉพาะในสาว ๆ ทำให้หลายระบบในร่างกายทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ 

จุลินทรีย์ในลำไส้สำคัญอย่างไร

เนื่องจากลำไส้เป็นบ้านหลักของ จุลินทรีย์ดี ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพโดยรวม การรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาท้องผูก ท้องเสีย หรืออาการลำไส้แปรปรวน ลดการอักเสบในลำไส้และร่างกาย เสริมภูมิคุ้มกัน และยังช่วยสร้างสารสำคัญ เช่น วิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่าง ๆ

จุลินทรีย์ช่วยย่อยอาหารอย่างไร

จุลินทรีย์ในลำไส้ทำงานร่วมกับระบบย่อยอาหาร โดยช่วยสลายคาร์โบไฮเดรต ไขมัน และโปรตีนให้เป็นสารอาหารที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น และในระหว่างกระบวนการนี้ จุลินทรีย์ยังผลิตกรดไขมันสายสั้น (SCFAs) ซึ่งช่วยบำรุงเยื่อบุลำไส้ และสร้างสภาพแวดล้อมที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ไม่ดีได้ด้วย นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และส่งเสริมสมดุลภายในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารและสุขภาพโดยรวมดีขึ้น

แบคทีเรีย โปรไบโอติก และพรีไบโอติกต่างกันอย่างไร

แบคทีเรียเป็นจุลินทรีย์ชนิดหนึ่ง ที่มีทั้งสายพันธุ์ดีและไม่ดีต่อร่างกาย ส่วนโปรไบโอติก คือแบคทีเรียดีที่ช่วยบำรุงลำไส้ ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร และเสริมภูมิคุ้มกัน ขณะที่พรีไบโอติก คือสารอาหารที่ช่วยเลี้ยงโปรไบโอติกให้เจริญเติบโต เช่น ใยอาหารจากผัก ผลไม้ และธัญพืช การทานโปรไบโอติกควบคู่กับพรีไบโอติกจึงช่วยสร้างสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ได้อย่างมาก พร้อมลดอาการท้องอืด บรรเทาปัญหาปวดท้อง และอาการลำไส้แปรปรวนได้

อาหารเสริมโปรไบโอติก ยี่ห้อไหนดี

สำหรับใครที่กำลังมองหาตัวเลือกว่าอาหารเสริมโปรไบโอติก ยี่ห้อไหนดี ปัจจุบันมีหลายตัวเลือก ซึ่งหนึ่งในตัวเลือกที่อยากแนะนำคือ ผลิตภัณฑ์จาก Butterfly Organic ซึ่งประกอบด้วยหลายสายพันธุ์จุลินทรีย์ดี พร้อมโปรไบโอติกที่ช่วยเสริมระบบย่อยอาหาร เหมาะสำหรับคนที่ต้องการดูแลสุขภาพลำไส้แบบครบวงจร

โยเกิร์ตที่มีจุลินทรีย์สูง

โยเกิร์ตเป็นอาหารที่มีโปรไบโอติกสูง ซึ่งประกอบไปด้วย Lactobacillus bulgaricus และ Streptococcus thermophilus ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ลดอาการท้องอืด และส่งเสริมระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพลำไส้อย่างต่อเนื่อง โดยมีทั้งแบบโยเกิร์ต และโยเกิร์ตพร้อมดื่มหลายสูตรให้เลือกทาน ในแบบผลิตภัณฑ์ออร์แกนิก ที่มั่นใจในเรื่องคุณภาพของจุลินทรีย์ได้

นมเปรี้ยวที่มีจุลินทรีย์

นมเปรี้ยวเป็นอีกหนึ่งอาหารยอดนิยมที่อุดมไปด้วยจุลินทรีย์ดีหลายชนิด เช่น Lactobacillus acidophilus, Lactobacillus casei, Streptococcus thermophilus ซึ่งจุลินทรีย์เหล่านี้ช่วยเสริมสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดปัญหาท้องอืดหรือท้องเสีย ปรับการย่อยอาหารให้ดีขึ้น และสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้นมเปรี้ยวเป็นตัวเลือกที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ เหมาะสำหรับทุกวัย และดื่มง่าย

พรีไบโอติกแบบผง ยี่ห้อไหนดี

พรีไบโอติกแบบผงจาก Inulin หรือ FOS ทำหน้าที่เป็นอาหารให้โปรไบโอติกเติบโต ทำให้จุลินทรีย์ในลำไส้สมดุล และช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น สามารถชงผสมเครื่องดื่มหรืออาหารตามต้องการ เพิ่มความสะดวกในการดูแลลำไส้

จุลินทรีย์แบบเม็ด กับ แบบผง ต่างกันอย่างไร

จุลินทรีย์แบบเม็ดจะพกพาสะดวก กินง่าย เคี้ยวหรือชงดื่มก็ได้ เหมาะกับคนที่ใช้ชีวิตเร่งรีบหรือเดินทางบ่อย ส่วนแบบผงสามารถผสมกับเครื่องดื่มหรืออาหาร ใช้เวลาละลายน้ำมากกว่า แต่ก็ดูดซึมเร็ว และสามารถปรับปริมาณตามความต้องการของร่างกายได้ นอกจากนี้แบบผงมักมีส่วนผสมของพรีไบโอติกช่วยที่เสริมการทำงานของโปรไบโอติกได้อีกที ทำให้ลำไส้สมดุลมากขึ้น โดยการเลือกทานทั้งสองแบบขึ้นอยู่กับไลฟ์สไตล์ ความสะดวก และวัตถุประสงค์ในการบำรุงลำไส้ของแต่ละคนนั่นเอง

Butterfly Organic มีจุลินทรีย์ดี มีประโยชน์ต่อร่างกาย

สำหรับใครที่อยากดูแลจุลินทรีย์ในลำไส้ และระบบย่อยอาหารให้สมดุล Butterfly Organic มีผลิตภัณฑ์ที่คัดสรร จุลินทรีย์ดีหลากหลายสายพันธุ์ มาให้เลือกตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็น นมออร์แกนิก โยเกิร์ต นมเปรี้ยวโยเกิร์ตพร้อมดื่ม กรีกโยเกิร์ต และโพร พลัส โยเกิร์ตพร้อมดื่ม ที่อัดแน่นไปด้วย Lactobacillus acidophilus, Bifidobacterium lactis, Lactobacillus rhamnosus และ Streptococcus thermophilus ช่วยเสริมระบบย่อยอาหาร ลดอาการท้องอืดและท้องเสีย และมีพรีไบโอติกที่ให้จุลินทรีย์ดีเติบโตในลำไส้ได้ด้วย

จุลินทรีย์ ถึงแม้จะเล็กจนมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็สำคัญต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก รวมทั้งระบบย่อยอาหาร และภูมิคุ้มกันของเรา การรู้จักจุลินทรีย์ดีและไม่ดี จะช่วยให้เรารู้ว่าควรปรับพฤติกรรมการกินอาหารและเลือกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้อย่างไร รวมทั้งให้ความสำคัญกับอาหารที่มีโปรไบโอติกและพรีไบโอติก ที่มีบทบาทในการสร้างสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ การรับประทานอาหารที่มีจุลินทรีย์ดี อย่างโยเกิร์ต นมเปรี้ยว หรือผักผลไม้ที่มีไฟเบอร์สูง ร่วมกับผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกจาก Butterfly Organic จะยิ่งช่วยเสริมจุลินทรีย์ดีในลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารแข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคลำไส้แปรปรวน และช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น ถือเป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพในระยะยาวของร่างกายด้วย

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับกรีกโยเกิร์ต

• Facebook
• Twitter
• Line