ท้องผูกกินอะไรดี แชร์ 10 วิธีแก้ท้องผูกง่าย ๆ แต่ได้ผลจริง

Picture of Butterfly Organic

Butterfly Organic

สารบัญบทความ

หมดปัญหาแน่นท้อง อึดอัด ไม่สบายตัว อุจจาระแข็ง เบ่งไม่ออก ทําไงดี? ท้องผูกกินอะไรดี? ด้วย 10 วิธีแก้ท้องผูกแบบเร่งด่วนฉบับ Butterfly Organic บอกเลยว่าอาการท้องผูกแก้ได้ง่ายกว่าที่คิด แค่ปรับพฤติกรรมสักนิด รับรองชีวิตโล่งสบาย พร้อมแชร์ 10 เช็กลิสต์อาหารแก้ท้องผูกและผลไม้ช่วยขับถ่าย ตัวช่วยแก้ท้องผูกด้วยวิธีธรรมชาติที่ทั้งอร่อย ทานง่าย และช่วยให้กลับมาสบายท้องได้แบบธรรมชาติ ไม่ต้องพึ่งยาให้ยุ่งยากเลย

ภาวะระบบขับถ่ายรวน คืออะไร? 

ระบบขับถ่ายรวน หรือระบบขับถ่ายไม่ดี คือ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถขับของเสียออกมาได้ตามปกติ โดยเฉพาะในส่วนของการขับถ่ายอุจจาระ เช่น ถ่ายยาก ถ่ายไม่ออก ถ่ายไม่สุด หรือท้องผูกบ่อย ๆ ทำให้รู้สึกแน่นท้อง อึดอัด ไม่สบายตัว ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ ร่างกายก็จะเหมือนมีของเสียสะสมอยู่ทุกวัน ผิวพรรณหมองคล้ำ เป็นสิวง่าย ภูมิคุ้มกันตก และเสี่ยงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะยาว

ระบบขับถ่ายไม่ดี เพราะ 7 พฤติกรรมเสี่ยงที่คุณอาจมองข้าม

ปัญหาท้องผูก จะโทษอาหารที่เลือกทานอย่างเดียวไม่ได้ เพราะพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็เป็นหนึ่งในตัวการหลักที่ทำให้ระบบขับถ่ายรวนแบบไม่รู้ตัวด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น

  • ดื่มน้ำน้อย เพราะน้ำมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้อุจจาระนุ่มและเคลื่อนตัวในลำไส้ได้ง่าย หากร่างกายได้รับน้ำน้อยเกินไป อุจจาระจะแข็ง ถ่ายยาก และทำให้รู้สึกไม่สบายท้อง
  • รับประทานอาหารที่มีกากใยน้อย ใยอาหารจากผัก ผลไม้ และธัญพืชไม่ขัดสี ช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้ เมื่อร่างกายมีกากใยน้อย ระบบขับถ่ายก็จะทำงานช้าลง และมีโอกาสท้องผูกมากยิ่งขึ้น
  • ไม่ค่อยขยับร่างกายหรือออกกำลังกาย ทำให้การทำงานของลำไส้ช้าลง การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ทำให้ขับถ่ายได้ดีขึ้น
  • เครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลต่อสมดุลของระบบประสาทและการทำงานของลำไส้ อาจทำให้ระบบขับถ่ายแปรปรวน
  • กลั้นขับถ่ายบ่อย ๆ อาจทำให้ลำไส้ปรับตัวจนไม่ตอบสนองต่อสัญญาณขับถ่ายตามปกติ ทำให้เกิดอาการถ่ายยากหรือถ่ายไม่สุด
  • ผลข้างเคียงจากการใช้ยาบางชนิด เช่น ยาแก้ปวด ยาลดกรด ยาขับปัสสาวะ หรือยารักษาโรคซึมเศร้า อาจมีผลข้างเคียงทำให้ลำไส้ทำงานช้าลง
  • โรคหรือภาวะบางอย่าง เช่น ไทรอยด์ทำงานต่ำ เบาหวาน หรือโรคลำไส้แปรปรวน

7 อาการเบื้องต้น สัญญาณเตือนท้องผูกโดยไม่รู้ตัว 

ท้องผูกไม่ใช่แค่ถ่ายไม่ออก แต่บางครั้งร่างกายก็ส่งสัญญาณเตือนล่วงหน้าโดยที่เราไม่รู้ตัว เช่น แน่นท้อง ปวดหัว หรือสิวขึ้นบ่อย เช็ก 7 อาการเบื้องต้น รีบหาวิธีแก้ท้องผูกสาย

  • ถ่ายอุจจาระไม่สม่ำเสมอ เช่น ถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ หรือห่างหลายวันกว่าจะถ่ายได้
  • อุจจาระแข็ง หรือก้อนเล็ก แห้ง และแตกเป็นก้อน ทำให้ถ่ายยากและต้องใช้แรงเบ่งมาก
  • ถ่ายไม่สุด รู้สึกเหมือนมีอุจจาระค้างอยู่ในลำไส้
  • ปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้อง เพราะของเสียที่ตกค้างในลำไส้ อาจทำให้เกิดแก๊สสะสม ทำให้มีอาการท้องอืด ปวดเกร็ง หรือแน่นบริเวณท้อง
  • เบ่งแรงเวลาถ่าย ใช้เวลานานหรือออกแรงขับถ่ายมากกว่าปกติ
  • มีเลือดออกขณะถ่าย อาจทำให้ริดสีดวงทวารกำเริบหรือเกิดแผลที่ทวารหนัก
  • รู้สึกอ่อนเพลียหรือไม่สบายตัวหลังถ่าย เนื่องจาก ร่างกายไม่สามารถขับของเสียออกได้หมด

ท้องผูกบ่อย เสี่ยงโรคอะไรบ้าง? อย่าชะล่าใจกับอาการเล็ก ๆ

เพราะท้องผูกบ่อย ๆ ไม่ได้เป็นปัญหาแค่เรื่องขับถ่าย แต่อาจลุกลามกลายเป็นโรคร้ายได้แบบไม่ทันตั้งตัว ไม่ว่าจะเป็น

1. ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)

การเบ่งแรง ๆ ขณะถ่ายท้องหรือท้องผูกบ่อย ๆ ทำให้เส้นเลือดที่ทวารหนักโป่งพอง จนเกิดริดสีดวง ซึ่งอาจทำให้รู้สึกเจ็บ ขัดหรือมีเลือดออกระหว่างขับถ่าย

2. ภาวะลำไส้แปรปรวน (Irritable Bowel Syndrome – IBS)

ระบบขับถ่ายที่ไม่สมดุลเรื้อรัง อาจทำให้เกิดอาการลำไส้แปรปรวน เช่น ถ่ายไม่เป็นเวลา ท้องอืด ปวดท้องบ่อย หรือสลับระหว่างท้องผูกและท้องเสีย

3. ลำไส้อุดตันจากอุจจาระ (Fecal impaction)

สำหรับผู้ที่ท้องผูกหนัก ๆ และไม่ได้ถ่ายนาน ๆ อุจจาระจะแข็งตัวจนติดแน่นในลำไส้ใหญ่ ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาทางการแพทย์ทันที

4. การติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection – UTI)

ท้องผูกเรื้อรังอาจทำให้ลำไส้กดทับกระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะ เกิดการติดเชื้อได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็กและผู้สูงอายุ

5. โรคถุงผนังลำไส้ใหญ่อักเสบ (Diverticulitis)

ของเสียที่ค้างอยู่ในลำไส้นาน ๆ อาจทำให้เกิดการอักเสบของถุงเล็ก ๆ ที่ผนังลำไส้ เสี่ยงต่อการติดเชื้อและปวดท้องรุนแรง

6. มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colorectal Cancer)

ถึงจะไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรง แต่ระบบขับถ่ายที่ผิดปกติเรื้อรัง โดยเฉพาะในผู้ที่มีอายุเกิน 50 ปี หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ ควรเข้ารับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ

ระบบขับถ่ายไม่ดี แก้ยังไง? แชร์ 10 วิธีแก้ท้องผูกแบบเร่งด่วน

ปัญหาระบบขับถ่ายไม่ดีอาจดูเหมือนเป็นปัญหาเล็ก ๆ แต่ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ อาจกระทบทั้งสุขภาพและคุณภาพชีวิตแบบไม่รู้ตัว แต่อาการท้องผูกสามารถแก้ไขได้ง่าย ๆ แค่เริ่มจากการเปลี่ยนพฤติกรรม ไม่ต้องพึ่งยาให้ลำไส้เคยชินอีกต่อไป 

1. ดื่มน้ำให้เพียงพอ

เพราะน้ำเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดสำหรับระบบขับถ่าย ช่วยให้อุจจาระนุ่ม เคลื่อนตัวในลำไส้ได้สะดวก หากดื่มน้ำน้อย อุจจาระจะแข็ง ถ่ายยาก หรืออาจต้องใช้แรงเบ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดริดสีดวงได้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผูกแนะนำให้ดื่มน้ำเปล่าอย่างน้อย 6–8 แก้วต่อวัน 

2. เพิ่มกากใยอาหารในมื้ออาหาร

การเพิ่มกากใยอาหารในมื้ออาหารเป็นวิธีแก้ท้องผูกด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น ผัก ผลไม้สด ธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวกล้อง ลูกพรุน กล้วย หรือเมล็ดเจีย ซึ่งเป็นแหล่งไฟเบอร์ชั้นดีหาซื้อง่าย แถมราคาสบายกระเป๋าด้วย

3. ออกกำลังกายเป็นประจำ

การเคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำ เช่น เดินเร็ว โยคะ หรือการยืดเหยียด ช่วยให้ลำไส้บีบตัวได้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูก และทำให้การขับถ่ายเป็นธรรมชาติมากขึ้น 

4. ฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา

การฝึกให้ร่างกายขับถ่ายตรงเวลา เช่น ทุกเช้าหลังตื่นนอน จะช่วยให้ระบบลำไส้เกิดความเคยชิน และตอบสนองต่อการขับถ่ายได้ดีขึ้น 

5. ลดอาหารแปรรูปและไขมันสูง

อาหารสำเร็จรูป ขนมขบเคี้ยว และของทอดส่วนใหญ่จะมีไขมันทรานส์และใยอาหารต่ำ ทำให้การเคลื่อนไหวของลำไส้ช้าลง ควรเลือกอาหารสดใหม่ ปรุงเอง หรือเน้นผักผลไม้เป็นหลักจะช่วยให้ลำไส้ทำงานได้ดีกว่า

6. หลีกเลี่ยงการกลั้นอุจจาระ

การกลั้นขับถ่ายเป็นประจำ ทำให้สัญญาณที่ลำไส้ส่งไปสมองลดลง ส่งผลให้ร่างกายไม่ตอบสนองต่อความรู้สึกอยากขับถ่ายอีกต่อไป อาจทำให้เกิดภาวะท้องผูกเรื้อรัง

7. พักผ่อนให้เพียงพอ

การพักผ่อนไม่เพียงพอส่งผลต่อฮอร์โมนและระบบประสาทที่ควบคุมการทำงานของลำไส้ ทำให้ระบบขับถ่ายแปรปรวน ถ่ายไม่สุด หรือไม่ถ่ายเลย 

8. ลดความเครียด

ความเครียดสะสมส่งผลโดยตรงต่อระบบลำไส้ ทำให้ท้องผูกหรือเกิดภาวะลำไส้แปรปรวน การผ่อนคลายจิตใจ เช่น ฝึกหายใจลึก ๆ เล่นโยคะ ฟังเพลง หรือเดินเล่นในธรรมชาติ จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายกลับมาเป็นปกติ

9. ตรวจสอบผลข้างเคียงจากยา

ยาหลายชนิดมีผลต่อระบบขับถ่าย เช่น ยาแก้ปวดบางชนิด ยาลดกรด ยาขับปัสสาวะ หรือยาต้านซึมเศร้า หากคุณใช้ยาใด ๆ เป็นประจำและสังเกตว่าขับถ่ายเปลี่ยนไป ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อหาทางปรับยาให้เหมาะสม

10. ดื่มนมและโยเกิร์ตจาก Butterfly Organic

นมและโยเกิร์ตจาก Butterfly Organic มีจุลินทรีย์โพรไบโอติกสายพันธุ์ดีที่ช่วยดูแลสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ช่วยให้การย่อยและการขับถ่ายเป็นธรรมชาติ เหมาะสำหรับคนที่ท้องผูกบ่อย หรือมีลำไส้ไม่แข็งแรง แถมยังอร่อย ดื่มง่าย เหมาะกับทุกวัย ตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่ต้องการทางเลือกปลอดภัยจากธรรมชาติ

ท้องผูกกินอะไรดี? ชี้เป้า 10 อาหารแก้ท้องผูกและผลไม้ช่วยขับถ่าย ทานง่าย สบายท้อง

กินอะไรให้ถ่ายทุกวัน ชี้เป้า 10 อาหารแก้ท้องผูกและผลไม้ช่วยขับถ่าย เพิ่มกากใยอาหารให้ร่างกาย แถมอร่อย ทานง่าย สบายท้องแบบไม่ต้องพึ่งยาถ่าย ได้แก่

  • กล้วยน้ำว้า : ไฟเบอร์สูง ช่วยให้ถ่ายคล่องอย่างอ่อนโยน
  • มะละกอสุก : เอนไซม์ช่วยย่อย แถมกากใยเยอะ
  • โยเกิร์ต : มีโพรไบโอติก ช่วยปรับสมดุลลำไส้
  • ข้าวโอ๊ต : เส้นใยละลายน้ำสูง ช่วยให้อุจจาระนุ่ม
  • เมล็ดเจีย : พองตัวในลำไส้ ช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหว
  • แอปเปิล : มีเพกติน ช่วยให้ถ่ายง่ายและลดกลิ่นอุจจาระ
  • ลูกพรุนแห้ง : มีซอร์บิทอลช่วยกระตุ้นลำไส้
  • ฟักทองต้ม : ย่อยง่าย ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น
  • น้ำมะนาวผสมน้ำอุ่น : กระตุ้นการทำงานของลำไส้ตอนเช้า
  • ผักใบเขียว เช่น คะน้า ผักโขม : กากใยเยอะ แถมมีแมกนีเซียมช่วยให้ถ่ายง่ายยิ่งขึ้น

หากคุณกำลังมองหาอาหารแก้ท้องผูก ช่วยให้ขับถ่ายคล่องแบบไม่ต้องพึ่งยา ลองเริ่มจากการเลือกกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงและมาจากธรรมชาติ เช่น ผักสด ผลไม้ หรือธัญพืชเต็มเมล็ด แต่ถ้าอยากได้ตัวช่วยดี ๆ ที่สะดวก พร้อมดื่มทุกวัน

Butterfly Organic มีผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำนมจากพืช น้ำนมถั่วเหลือง หรือน้ำผักผลไม้ที่ทั้งอร่อย ดื่มง่าย และช่วยเสริมใยอาหารให้กับร่างกาย ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

คำถามที่พบบ่อย

วิธีฟื้นฟูระบบขับถ่าย

เริ่มจากการดื่มน้ำให้เพียงพอวันละ 6–8 แก้ว เพิ่มใยอาหารในมื้ออาหาร ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และฝึกขับถ่ายให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงการกลั้นอุจจาระ หลีกเลี่ยงความเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอก็สามารถฟื้นฟูระบบขับถ่ายได้ง่าย ๆ แล้ว

กินอะไรช่วยให้ระบบขับถ่ายดี

ผักใบเขียว ผลไม้สด เช่น กล้วย มะละกอ ลูกพรุน ธัญพืชไม่ขัดสี ข้าวกล้อง เมล็ดเจีย และอาหารที่มีโพรไบโอติก เช่น โยเกิร์ตธรรมชาติ หรือเครื่องดื่มจากแบคทีเรียดี

อุจจาระวันละกี่ครั้งถือว่าปกติ

คนส่วนใหญ่อาจถ่ายวันละ 1 ครั้ง แต่หากถ่ายวันเว้นวัน หรือถ่ายวันละ 2–3 ครั้ง โดยไม่มีอาการปวดท้อง ท้องอืด หรือถ่ายลำบาก ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ

กินอะไรให้อุจจาระตกค้างออกหมด

เพิ่มอาหารที่มีกากใยสูง เช่น ลูกพรุน กล้วยหอม เมล็ดแฟลกซ์ ข้าวโอ๊ต ดื่มน้ำอุ่นหลังตื่นนอน และรับประทานโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติก เพื่อช่วยกระตุ้นลำไส้

อาการของภาวะอุจจาระตกค้าง มีอะไรบ้าง

รู้สึกแน่นท้อง ปวดท้องเรื้อรัง ถ่ายไม่สุด ถ่ายยาก อุจจาระแข็ง หรือมีอาการคล้ายลำไส้อุดตัน เช่น คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ปากเหม็น

อุจจาระแข็ง เบ่งไม่ออก ทำไงดี

ดื่มน้ำมากขึ้นทันที กินผลไม้รสหวานและนุ่ม เช่น มะละกอ กล้วย ลูกพรุน ออกกำลังกายเบา ๆ หรือใช้วิธีนวดหน้าท้องช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ถ้ายังไม่ดีขึ้น อาจใช้ยาระบายอย่างอ่อนภายใต้คำแนะนำของแพทย์

อุจจาระเต็มท้อง มีวิธีแก้อย่างไรบ้าง

เริ่มจากดื่มน้ำอุ่นตอนเช้า ขยับร่างกายเบา ๆ เช่น เดินเร็วหรือนวดท้อง รับประทานอาหารที่มีใยอาหารสูง และหลีกเลี่ยงอาหารมันหรือย่อยยาก หากอาการรุนแรงควรปรึกษาแพทย์

ไม่ถ่ายหลายวัน อันตรายไหม

หากไม่ถ่ายเกิน 3 วันขึ้นไป ติดต่อกัน และเริ่มมีอาการปวดท้อง คลื่นไส้ หรือแน่นท้องมาก อาจเสี่ยงต่อภาวะอุจจาระตกค้างหรือลำไส้อุดตัน ควรรีบพบแพทย์เพื่อประเมินอาการโดยละเอียด

บทความล่าสุด

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า