Category: โยเกิร์ต
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 3 นาที
- โพสต์เมื่อ
การดูแลสุขภาพลำไส้ไม่ใช่เรื่องไกลตัว เพราะถ้าลำไส้ไม่ทำงานดี ก็จะส่งผลต่อระบบย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหาร และระบบภูมิคุ้มกันได้ ทำให้หลายคนสนใจมาดูแลสุขภาพทางนี้มากขึ้น แต่หลายคนก็ยังสงสัยว่า โปรไบโอติก กินทุกวันได้ไหม และ โปรไบโอติก กินตอนไหนดีที่สุด ถึงจะได้ประโยชน์อย่างเหมาะสม และกินยังไงให้เห็นผลจริง ความจริงแล้วการดูแลลำไส้ไม่ได้ยากเกินไป เพียงแค่รู้จักเลือกโปรไบโอติกที่เหมาะกับร่างกาย กินให้ถูกเวลา และเข้าใจความแตกต่างระหว่างอาหารที่มีโปรไบโอติกกับอาหารเสริม ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้ลำไส้สมดุล ระบบย่อยอาหารดีขึ้น ลดท้องผูก ท้องเสีย และอาการท้องอืด ในบทความนี้ จะพาทุกคนไปทำความเข้าใจตั้งแต่พื้นฐานว่าโปรไบโอติกคืออะไร ประโยชน์ของการกินต่อเนื่อง วิธีทานที่ถูกต้อง รวมถึงข้อควรระวังต่าง ๆ พร้อมแนะนำ Butterfly Organic ที่ช่วยปรับสมดุล gut microbiome ให้ร่างกายทำงานเต็มประสิทธิภาพแบบปลอดภัย เหมาะสำหรับทุกไลฟ์สไตล์ กินโปรไบโอติกทุกวันได้ไหม สำหรับคำตอบที่หลายคนที่สงสัยว่าควรกินตอนไหน โปรไบโอติก กินก่อนหรือหลังอาหารถึงจะดี ซึ่งปกติแล้วเราสามารถกินได้ในคนสุขภาพปกติ เพราะโปรไบโอติกคือแบคทีเรียดี ที่ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้หรือ gut microbiome การกินโปรไบโอติกทุกวันจะช่วยให้จุลินทรีย์ดีในลำไส้เพิ่มจำนวนที่เหมาะสม และทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่สิ่งสำคัญคือการเลือกสายพันธุ์และปริมาณให้เหมาะสมกับร่างกาย การกินโปรไบโอติกทุกวันช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ลดปัญหา ลำไส้ขี้เกียจ อาการ เช่น ท้องผูก ท้องอืด หรือท้องเสียชั่วคราว นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้เต็มที่ และเสริมภูมิคุ้มกันให้เราได้ด้วย กินโปรไบโอติกทุกวันอันตรายไหม มีผลข้างเคียงหรือไม่ สำหรับคนทั่วไป การกินโปรไบโอติกทุกวันไม่อันตรายก็จริง แต่ในบางคนอาจเกิดผลข้างเคียงเล็กน้อยได้ เช่น ท้องอืด ปวดท้อง หรือมีแก๊สในลำไส้ชั่วคราว ซึ่งเป็นอาการปรับตัวของร่างกายที่มักเกิดในช่วงแรกของการเริ่มกิน ส่วนในผู้สูงอายุหรือคนที่มีภูมิคุ้มกันต่ำหรือมีโรคประจำตัว ควรมีการปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อความมั่นใจ และกินในปริมาณที่เหมาะสมกับตัวเอง และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้ โปรไบโอติก กินนานแค่ไหน อีกคำถามที่พบบ่อยคือ ควรกินโปรไบโอติกนานแค่ไหนถึงจะดี สำหรับคนทั่วไป สามารถกินต่อเนื่องเพื่อรักษาสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ได้เลยอย่างต่อเนื่อง แต่สำหรับคนที่เพิ่งใช้ยาปฏิชีวนะ ควรกินอย่างน้อย 2–4 สัปดาห์ หรือจนกว่าระบบย่อยอาหารจะกลับมาเป็นปกติ ข้อดีของการกินอย่างต่อเนื่องคือช่วยให้แบคทีเรียดีเจริญเติบโตและสร้างสมดุลในลำไส้ ลดอาการ ลำไส้ไม่ทํางาน อาการ เช่น ท้องผูก ท้องเสีย หรือร่างกายไม่ดูดซึมสารอาหาร ปริมาณโปรไบโอติกที่แนะนำต่อวัน สำหรับปริมาณโปรไบโอติกที่แนะนำต่อวัน จะขึ้นอยู่กับรูปแบบและสายพันธุ์ของจุลินทรีย์ดีที่มี ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ 1–10 พันล้าน CFU (Colony Forming Units) ต่อวัน สำหรับอาหารที่มีโปรไบโอติก เช่น นมเปรี้ยวหรือโยเกิร์ต ก็อยู่ที่ประมาณ 1 ขวด หรือ 100–150 มล. หรือ 1 ถ้วยต่อวันก็เพียงพอ ส่วนอาหารเสริมโปรไบโอติกแบบแคปซูลหรือผง มักระบุชัดเจนบนฉลาก เช่น 1–2 แคปซูล หรือ 1 ช้อนชาต่อวัน ส่วนในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีปัญหาลำไส้อาจได้รับคำแนะนำจากแพทย์ให้เพิ่มปริมาณมากกว่านี้ได้ เพื่อให้ได้รับปริมาณโปรไบโอติกที่เพียงพอและปลอดภัย โปรไบโอติก กินตอนไหนดีที่สุด สำหรับสิ่งที่หลายคนสงสัยว่า แล้วเราควรโปรไบโอติก กินตอนไหนดีที่สุด โดยทั่วไปแล้วควรกินพร้อมมื้ออาหารหรือหลังอาหาร โดยเฉพาะในช่วงเช้า เพราะอาหารจะช่วยให้แบคทีเรียดีผ่านกรดในกระเพาะอาหารได้ดี แต่โปรไบโอติกบางสายพันธุ์ก็ควรกินก่อนนอนเพื่อให้แบคทีเรียดีทำงานขณะร่างกายพักผ่อน ส่วนในคนที่อยากเสริมระบบย่อยอาหารและลดอาการที่ลำไส้ไม่ดูดซึมอาหาร การทานโปรไบโอติกพร้อมอาหารเช้าจะช่วยให้ระบบย่อยอาหารเริ่มต้นวันได้อย่างสมดุล ประโยชน์ของการกินโปรไบโอติกอย่างสม่ำเสมอ การกินโปรไบโอติกสม่ำเสมอ จะดีในการช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ ลดอาการท้องผูก ท้องเสีย หรือท้องอืด นอกจากนี้ยังช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และส่งผลดีต่อผิวพรรณได้ด้วย และนอกจากปรับสมดุลลำไส้แล้ว โปรไบโอติกยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารเต็มที่ ลดอาการ ระบบขับถ่ายไม่ดี และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด…
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 3 นาที
- โพสต์เมื่อ
ถ้าพูดถึงอาหารเพื่อสุขภาพที่หลายคนหันมาสนใจมาสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับการดูแลสุขภาพและรูปร่าง หนึ่งในไอเท็ม ที่ต้องติดโผก็คือ กรีกโยเกิร์ต (Greek Yogurt) นั่นเอง ไม่ว่าจะไปเดินห้าง แวะซูเปอร์มาร์เก็ต หรือเลื่อนฟีดโซเชียลก็มักจะเห็นภาพถ้วยโยเกิร์ตที่จัดเต็มด้วยผลไม้สดและกราโนล่ากรอบ ๆ จนทำให้หลายคนอยากลองตามบ้าง หลายคนอาจสงสัยว่า Greek Yogurt คืออะไร ต่างจากโยเกิร์ตทั่วไปยังไง ทำไมถึงกลายมาเป็นเมนูโปรดของคนรักสุขภาพ เพราะจริง ๆ แล้วมันไม่ได้มีดีแค่รสชาติอร่อย ๆ แต่ยังเต็มไปด้วยสารอาหารที่ช่วยดูแลทั้งหุ่นและร่างกายไปพร้อมกันได้ เราจะไปรู้จักกรีกโยเกิร์ตให้มากขึ้น ตั้งแต่ที่มาว่า กรีกโยเกิร์ต คืออะไร ประโยชน์ต่อร่างกายมีอะไรบ้าง และยังมีไอเดียเมนูเฮลท์ตี้ง่าย ๆ ที่เอาไปทำกินเองได้แบบไม่ยุ่งยากด้วย กรีกโยเกิร์ต คืออะไร หลายคนอาจจะยังงง ๆ ว่า Greek Yogurt คือ โยเกิร์ตชนิดพิเศษรึเปล่า ซึ่งความจริงแล้ว กรีกโยเกิร์ตนั้น ทำจากนมเหมือนโยเกิร์ตทั่วไป แต่เคล็ดลับความต่างอยู่ที่จะมีขั้นตอนการกรองน้ำเวย์ (Whey) ออกไปมากกว่า ทำให้เหลือแค่เนื้อโยเกิร์ตที่ข้นกว่า เนียนกว่า และรสชาติเข้มข้นกว่า ทำให้กรีกโยเกิร์ตมีเนื้อข้นแน่นและโปรตีนสูงกว่าโยเกิร์ตธรรมดานั่นเอง หลายคนลองกินครั้งแรกแล้วติดใจ เพราะเนื้อสัมผัสมันฟีลเหมือนครีมชีสเบา ๆ ไม่เหลวแฉะเหมือนโยเกิร์ตทั่วไป โดยกินเปล่า ๆ ก็อร่อย หรือจะเอาไปครีเอตเมนูเพิ่มก็ยิ่งเพิ่มรสชาติที่หลากหลายมากขึ้น กรีกโยเกิร์ต ประโยชน์ต่อสุขภาพ ส่องประโยชน์ของกรีกโยเกิร์ต ที่ยิ่งมีโปรตีนมากกว่า ยิ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายสูง มาดูกันว่ามันดีต่อสุขภาพในด้านใดบ้าง และควรทานอย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด กรีกโยเกิร์ตช่วยลดน้ำหนักได้จริงหรือไม่ คำถามที่มาแรงสุด ๆ คือ ทานกรีกโยเกิร์ต อ้วนไหม คำตอบคือไม่ หากกินอย่างถูกวิธี เนื่องจากกรีกโยเกิร์ตมีโปรตีนสูง น้ำตาลน้อย จึงช่วยให้อิ่มนาน ไม่หิวบ่อย ทำให้ไม่เผลอหยิบขนมกรุบกริบมากินเล่น สำหรับใครที่กำลังลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพ ก็จะคุมน้ำหนักและการกินได้ง่ายขึ้น และควรเลือกแบบ low-fat หรือ non-fat ก็จะยิ่งมีแคลอรีน้อย โปรตีนสูงในกรีกโยเกิร์ตช่วยสร้างกล้ามเนื้อได้อย่างไร สำหรับคนออกกำลังกาย โปรตีนคือหัวใจของการสร้างกล้ามเนื้อ ซึ่ง Yogurt Greek ก็ตอบโจทย์นี้ด้วย เพราะมีโปรตีนสูงกว่าโยเกิร์ตธรรมดาเกือบเท่าตัว จึงเหมาะกับการกินหลังออกกำลังกายเพื่อช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อ และทำให้ร่างกายฟื้นตัวไวขึ้นบางคนกินกรีกโยเกิร์ตแทนเวย์โปรตีนที่เป็นแบบผง เพราะอยากได้รสชาติแบบธรรมชาติมากกว่า และยังทำเมนูได้หลากหลายอีกด้วย กรีกโยเกิร์ตกับสุขภาพลำไส้และระบบย่อยอาหาร อีกหนึ่งประโยชน์ของกรีกโยเกิร์ตที่หลายคนเลิฟมากก็คือ เรื่องลำไส้และการย่อยอาหาร เพราะช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ดี ช่วยปรับสมดุลลำไส้ ทำให้การขับถ่ายง่ายขึ้น ลดอาการท้องอืด ท้องผูก แถมยังช่วยให้ระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงขึ้นอีกด้วย กรีกโยเกิร์ตเหมาะกับใคร หลายหันมาสนใจกรีกโยเกิร์ต เพราะอยากมีสุขภาพควบคู่กับการมีรูปร่างที่ดี วันนี้เรามาดูกันว่ากรีกโยเกิร์ตเหมาะกับใครบ้าง คนที่ควบคุมน้ำหนักหรือกำลังลดความอ้วน นี่อาจจะเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก เพราะกรีกโยเกิร์ตช่วยได้เยอะมากในช่วงลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะเป็นทั้งการลดน้ำตาล ทำให้อิ่มนาน ไม่หิวจุกจิกระหว่างวัน แคลอรีต่ำ ไม่ทำให้น้ำหนักเกิน หรือใช้แทนของหวานตอนคิดถึงเค้กหรือไอศกรีมได้ นักกีฬาและผู้ที่ออกกำลังกาย สำหรับคนที่ชอบออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเป็นประจำ กรีกโยเกิร์ตคือตัวเลือกที่ตอบโจทย์มาก ๆ เพราะมีโปรตีนสูงและย่อยง่าย เมื่อร่างกายเพิ่งใช้พลังงานไปเยอะ กรีกโยเกิร์ตจะช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อและฟื้นฟูร่างกายได้เร็วขึ้น ยิ่งถ้าทานคู่กับผลไม้สดที่ให้วิตามินหรือธัญพืชที่อุดมไปด้วยคาร์โบไฮเดรตดี ๆ ก็ยิ่งช่วยเติมพลัง และทำให้มื้อหลังออกกำลังกายสมดุล อิ่มนานและไม่หนักท้องเกินไป ผู้สูงอายุ เนื่องจากย่อยง่ายและอ่อนโยนต่อระบบทางเดินอาหาร รวมทั้งช่วยเสริมแคลเซียมและโปรตีนที่จำเป็นต่อการดูแลกระดูกและมวลกล้ามเนื้อ ลดความเสี่ยงต่อภาวะกระดูกพรุน จะทานแบบเดี่ยว ๆ หรือจะเพิ่มผลไม้เนื้อนิ่มอย่างกล้วย มะละกอ หรือเบอร์รี ก็ช่วยเพิ่มวิตามินและใยอาหารที่ดีต่อสุขภาพได้ คนที่แพ้นมวัวบางส่วน (Lactose Intolerance) เนื่องจากกรีกโยเกิร์ตมีแลคโตสน้อยกว่า ทำให้หลายคนที่แพ้นมวัวกินได้สบายกว่า แต่ก็ควรลองเริ่มจากปริมาณน้อย ๆ…
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 4 นาที
- โพสต์เมื่อ
yogurt Greek โยเกิร์ตอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนานในกลุ่มผู้รักสุขภาพและกลุ่มผู้ลดน้ำหนัก เป็นที่ทราบกันดีว่า โยเกิร์ตนั้น นอกจากจะมีคุณประโยชน์ในเรื่องของการเป็นอาหารสำหรับผู้ที่ต้องการสร้างหุ่นหรือช่วยในเรื่องการขับถ่ายแล้ว ก็ยังมีหลายชนิดให้เลือกอีกด้วย ซึ่งเจ้าโยเกิร์ตกรีกนี้ ก็เป็นอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะในผู้ที่ต้องการสร้างกล้ามเนื้อ เช่น นักเพาะกาย นักเล่นเวท เป็นต้น แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทำไมไม่เลือกโยเกิร์ตชนิดอื่น? ในบทความนี้ Butterfly Organic จึงมีคำตอบมาไขข้อข้องใจให้หายสงสัยกัน
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 3 นาที
- โพสต์เมื่อ
โยเกิร์ตธัญพืช เรียกได้ว่าเป็นโยเกิร์ตอีกหนึ่งชนิดที่วินาทีนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ซึ่งต้องบอกก่อนว่าในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์นิดใดที่มาจากธัญพืชนั้น ก็ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ จากผู้บริโภค เช่น สินค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์นม ที่สามารถหาซื้อได้ง่ายตามร้านค้าชั้นนำ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้โยเกิร์ตชนิดนี้ได้รับความนิยม คงไม่ใช่เพราะเทรนด์รักสุขภาพเท่านั้น แต่อาจเป็นเพราะคุณประโยชน์ในหลาย ๆ ด้านที่ให้กับร่างกายของเราด้วย โดยเฉพาะผู้ที่กำลังควบคุมและลดน้ำหนัก ที่มักจะรับประทานโยเกิร์ตชนิดนี้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบมีเครื่องเคียง ดังนั้นในบทความนี้ Butterfly Organic จึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับโยเกิร์ตจากธัญพืชชนิดต่าง ๆ พร้อมเมนูที่น่าสนใจมาฝากผู้บริโภค เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้เมนูลดน้ำหนักไม่น่าเบื่อ แถมยังดูน่าสนใจมากขึ้นด้วย
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 2 นาที
- โพสต์เมื่อ
หลายคนอาจยังเข้าใจผิดเกี่ยวกับโยเกิร์ตนมเปรี้ยวและคิดว่าผลิตภัณฑ์ทั้งสองอย่างนี้เป็นคนละชนิดกัน แต่รู้หรือไม่ว่าจริง ๆ แล้วโยเกิร์ตกับนมเปรี้ยวจัดอยู่ในประเภทเดียวกัน ว่าแต่มีหลักการเลือกทานอย่างไรเพื่อให้คุณมีสุขภาพดียิ่งขึ้น มาอ่านไปพร้อมกันเลย
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 3 นาที
- โพสต์เมื่อ
usda organic คืออะไร อาจเป็นคำที่หลายๆ คนอาจไม่คุ้นเคยมากนัก แต่ในวงการนักทานอาหารออร์แกนิคหรือบรรดาเจ้าของธุรกิจฟาร์มต่างๆ นั้นย่อมเป็นที่คุ้นหูและเป็นที่รู้จักกันดี ซึ่งต้องบอกก่อนว่า USDA เป็นการประเมินผลิตภัณฑ์ออร์แกนิคที่เป็นที่ยอมรับและน่าเชื่อถือจากทางประเทศสหรัฐอเมริกาที่มีความเข้มงวดในการประเมินเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ดี การประเมินนี้เกี่ยวอะไรกับผลิตภัณฑ์ของไทย แล้วทำไมผู้บริโภคต้องทำความรู้จัก เรามาติดตามกัน
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 3 นาที
- โพสต์เมื่อ
กินโยเกิร์ตตอนไหนดี ปัญหาโลกแตกที่ไม่มีใครรู้คำตอบได้อย่างชัดเจนเพราะแต่ละแหล่งข้อมูลก็มีความคลุมเครืออยู่ไม่ใช่น้อยว่าแท้จริงแล้วเราควรกินโยเกิร์ตตอนไหนกันแน่ โดยเฉพาะในเรื่องของการกินตอนเช้า กินก่อนนอน กินก่อนอาหารหรือหลังอาหาร ยังคงเป็นข้อสงสัยว่าแท้จริงแล้วกินตอนไหนหรือกินแบบไหนกันแน่ถึงจะดีต่อสุขภาพ ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาหาคำตอบกันว่าเวลาไหนคือเวลากินโยเกิร์ตที่ส่งผลดีที่สุดต่อร่างกายของเรากันแน่
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 3 นาที
- โพสต์เมื่อ
ประโยชน์ของโยเกิร์ต แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงประโยชน์ของผลิตภัณฑ์นมชนิดนี้หลายๆ คนต้องนึกถึงเรื่องการกระตุ้นการขับถ่ายและการช่วยย่อยต่างๆ อย่างแน่นอน เนื่องจากในโยเกิร์ตนั้นมีจุลินทรีย์ดีบางตัวที่สามารถสร้างคุณประโยชน์ให้กับร่างกายอย่างมากมาย โดยเฉพาะจุลินทรีย์โพรไบโอติกส์ที่มีความเลื่องชื่อในเรื่องของประโยชน์ต่อระบบขับถ่ายดังกล่าวจึงไม่แปลกใจที่ใครๆ จะรู้จัก
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 2 นาที
- โพสต์เมื่อ
คุณเคยสงสัยไหมว่า “นมบำรุงผิว” สามารถช่วยให้ผิวของเราดูสุขภาพดีขึ้นได้จริงหรือไม่? หลายคนอาจคุ้นเคยกับการดื่มนมเพื่อบำรุงร่างกาย แต่ในความจริงแล้ว นมยังมีคุณสมบัติที่น่าสนใจสำหรับการดูแลผิวอีกมากมาย บทความนี้ Butterfly Organic จะพาคุณไปรู้จักกับ 7 คุณค่าจากนม ที่มีส่วนช่วยฟื้นฟูและเสริมความแข็งแรงให้กับผิว พร้อมแนวทางนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ใครที่อยากมีผิวสวยแบบเป็นธรรมชาติ ไม่ควรพลาดเนื้อหาเหล่านี้ นมบำรุงผิว คืออะไร? นมบำรุงผิว คือการนำ “นม” ไม่ว่าจะเป็นนมสด หรือนมออร์แกนิค มาใช้เพื่อฟื้นบำรุงและดูแลผิวพรรณทั้งจากภายนอกและภายใน นมสดอุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ โปรตีน และกรดแลคติกที่มีประโยชน์กับผิว เมื่อใช้เป็นส่วนผสมของสูตรนมบำรุงผิว จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ลดความแห้งกร้านและคืนความนุ่มนวลให้กับผิว รวมทั้งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบำรุงผิวด้วยวัตถุดิบธรรมชาติที่ปลอดภัย ใช้นมบำรุงผิว ได้ผลจริงหรือไม่? หลายคนอาจลังเลว่าวิธีดูแลผิวด้วย “นมบำรุงผิว” นั้นได้ผลจริงหรือเปล่า จากประสบการณ์และหลักฐานทางวิชาการ นมวัวมีสารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงผิว เช่น วิตามินบี2 วิตามินเอ และโปรตีน ซึ่งมีส่วนช่วยฟื้นฟูผิวให้แข็งแรงและดูอ่อนเยาว์ การใช้นมพอกหน้า หรือสูตรสครับน้ำนม ยังเป็นที่นิยมในกลุ่มคนรักสุขภาพผิวทั่วโลก ถึงแม้ผลลัพธ์จะขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลของแต่ละบุคคล แต่หากใช้อย่างถูกวิธีและต่อเนื่องก็สามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นได้ 7 คุณประโยชน์จากนมสด ช่วยให้ผิวสวยสุขภาพดี ที่คุณควรรู้! นมวัวสดไม่ใช่เพียงแค่อาหารที่ดีต่อสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งคุณค่าที่ใช้บำรุงผิวได้อย่างหลากหลาย สูตรนมบำรุงผิวที่ถูกใช้มาตั้งแต่โบราณมีจุดเด่นเรื่องการบำรุงและฟื้นฟูผิวให้เนียนนุ่ม กระจ่างใส พร้อมมอบความชุ่มชื้นที่เหมาะกับทุกสภาพผิว ในหัวข้อนี้เราจะพาคุณไปรู้จัก 7 คุณประโยชน์หลักของนมวัวที่ควรลองนำไปใช้ดูแลผิวด้วยตัวเอง 1. เป็นคลีนเซอร์จากธรรมชาติ นมวัวสดถือเป็นคลีนเซอร์จากธรรมชาติที่อ่อนโยนต่อผิว ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและเครื่องสำอางได้อย่างหมดจดโดยไม่ทำให้ผิวแห้งตึง กรดแลคติกในนมยังช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าให้หลุดออกอย่างนุ่มนวล เหมาะกับผู้ที่มีผิวแพ้ง่ายและกำลังมองหาสูตรนมบำรุงผิวที่ใช้ในชีวิตประจำวัน 2. มอยส์เจอไรเซอร์ชั้นดี วิตามินและไขมันจากนมวัวสดช่วยเติมความชุ่มชื้นและล็อกน้ำในผิว ทำให้ผิวเนียนนุ่ม ดูอิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาผิวแห้งหรือขาดความชุ่มชื้น การใช้นมพอกผิวหรือสครับนมวัวเป็นประจำจึงช่วยปรับสมดุลผิวให้สุขภาพดีขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ 3. บรรเทาผิวอักเสบ ผิวไหม้ได้อย่างดี นมสดมีคุณสมบัติในการช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองและลดความร้อนบนผิว เช่น หลังออกแดดหรือผิวอักเสบอ่อน ๆ โปรตีนและวิตามินในนมช่วยปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลาย ลดรอยแดง และฟื้นฟูผิวให้กลับมาแข็งแรงอย่างรวดเร็ว 4. ใช้สครับน้ำนมขจัดเซลล์ผิวที่ตายไปแล้ว กรดแลคติกในนมสดช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าที่เสื่อมสภาพให้หลุดออกอย่างอ่อนโยนโดยไม่ทำให้ผิวระคายเคือง การใช้นมเป็นสครับน้ำนมหรือสครับนมวัวสามารถช่วยเผยผิวใหม่ที่เนียนใสกว่าเดิม ส่งผลให้ผิวดูเปล่งปลั่งและสดชื่นขึ้น 5. การแช่เท้าในนม จะทำให้ผิวเท้าจะนุ่มขึ้น การนำเท้าแช่ในน้ำนมอุ่นเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่ช่วยให้ผิวเท้านุ่มลื่นขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กรดแลคติกในนมจะช่วยผลัดเซลล์ผิวที่หยาบกร้าน ขณะที่ความชุ่มชื้นจากไขมันนมช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาเนียนนุ่มอีกครั้ง เป็นสูตรนมบำรุงผิวที่เหมาะสำหรับคนรักสุขภาพเท้า 6. ใช้เป็นส่วนผสมของการมาสก์หน้าหรือสครับผิว นมวัวสดเหมาะสำหรับใช้ผสมกับส่วนผสมอื่น ๆ ในการทำมาสก์หน้าหรือสครับผิว เพื่อเสริมประสิทธิภาพการบำรุงและผลัดเซลล์ผิว เช่น การใช้นมสดผสมกับข้าวโอ๊ตหรือโยเกิร์ต จะช่วยให้ผิวหน้านุ่ม กระจ่างใส และลดความหมองคล้ำได้อย่างเป็นธรรมชาติ 7. การทานนมเพื่อบรรเทาสิว การบริโภคนมวัวสดในปริมาณที่เหมาะสม ช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินและแร่ธาตุสำคัญที่มีส่วนช่วยในการฟื้นฟูผิวและลดการอักเสบ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการสิวบางประเภทได้ นอกจากนี้ ในนมยังมีโปรตีนคุณภาพดีและวิตามินในนมยังส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมของผิว อ่านบทความ >> รวมประโยชน์ของการใช้โยเกิร์ตและนมบำรุงผิว รวมสูตร 4 นมพอกหน้าบำรุงผิว ให้ผิวเด้ง ฉ่ำ นุ่ม! หากคุณอยากลองดูแลผิวด้วยวิธีธรรมชาติ สูตรนมบำรุงผิวถือเป็นทางเลือกยอดนิยม เพราะสามารถปรับใช้กับทุกสภาพผิวได้ง่าย ๆ ไม่ต้องพึ่งสารเคมี นมพอกผิวและสครับน้ำนมจะช่วยเติมเต็มความชุ่มชื้น ฟื้นฟูผิวให้ฉ่ำน้ำ และทำให้ผิวดูสุขภาพดีได้อย่างปลอดภัยในทุก ๆ วัน 1. สูตรทำความสะอาดหน้าด้วยน้ำนม นำสำลีแผ่นชุบนมสดเย็น เช็ดให้ทั่วใบหน้าแล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย เพราะสครับน้ำนมจะช่วยขจัดสิ่งสกปรกได้อย่างอ่อนโยน พร้อมคงความชุ่มชื้นให้ผิวหน้า 2. สูตรสครับผิวด้วยน้ำนม ผสมสครับนมวัวกับข้าวโอ๊ตบดละเอียด จากนั้นนำมาสครับเบา ๆ บนผิวกายหรือผิวหน้าแล้วล้างออก…
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 2 นาที
- โพสต์เมื่อ
กระบวนการผลิตโยเกิร์ต ถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญเป็นอย่างมากสำหรับสินค้าที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหาร แม้โยเกิร์ตจะมีภาพจำว่าเป็น นมบูด หรือ นมที่หมักมาจากแบคทีเรีย แต่ขั้นตอนการผลิตนั้นไม่ง่ายเลย อย่างไรก็ตามในบทความนี้เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีผลิตโยเกิร์ตกันว่า ในการผลิตจากโรงงานจะมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง และกว่าจะออกมาเป็นโยเกิร์ตได้สักถ้วยยากง่ายแค่ไหน มาดูไปพร้อม ๆ กัน