Category: Uncategorized
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 2 นาที
- โพสต์เมื่อ
ในยุคปัจจุบันที่ธุรกิจออนไลน์และการค้าขายสินค้าที่มีการควบคุมอุณหภูมิเติบโตอย่างรวดเร็ว บริการ ขนส่งห้องเย็น จึงกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการรักษาคุณภาพและความสดใหม่ของสินค้า ตั้งแต่อาหารสด อาหารแช่แข็ง ยา และเวชภัณฑ์ ไปจนถึงสินค้าทางการเกษตร การเลือกผู้ให้บริการ ขนส่งเย็น ที่มีประสิทธิภาพและน่าเชื่อถือจึงเป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจ บทความนี้จะพาคุณไป ทำความรู้จักกับ 5 แบรนด์ผู้ประกอบการที่ทำธุรกิจ รถส่งของห้องเย็น พร้อมสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับขั้นตอนการขนส่งสินค้าห้องเย็น กลุ่มธุรกิจที่ควรใช้บริการ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของคุณ ขั้นตอนการ ขนส่งห้องเย็น ฉบับย่อเข้าใจง่ายภายใน 1 นาที กระบวนการ ขนส่งห้องเย็น นั้นมีความละเอียดอ่อนและต้องใส่ใจในทุกขั้นตอนการดำเนินการ เพื่อรักษาอุณหภูมิที่เหมาะสมตลอดเส้นทางการจัดส่ง โดยทั่วไปแล้ว ขั้นตอนการขนส่งสินค้าห้องเย็นจะมีดังนี้ การเตรียมสินค้า: ผู้ส่งสินค้าต้องทำการบรรจุสินค้าอย่างเหมาะสม โดยใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ที่สามารถเก็บรักษาอุณหภูมิและป้องกันความเสียหายระหว่างการขนส่งได้ดี สินค้าที่มีการควบคุมอุณหภูมิควรได้รับการแช่เย็นหรือแช่แข็งตามอุณหภูมิที่กำหนดก่อนทำการขนส่ง การตรวจสอบและรับสินค้า: พนักงานขนส่งจะทำการตรวจสอบประเภท ปริมาณ และสภาพของสินค้า รวมถึงเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของลูกค้า ทั้งผู้ส่งและผู้รับ และข้อมูลสินค้า ถูกต้องครบถ้วน จากนั้นจะทำการรับสินค้าและจัดเก็บ เข้าสู่โกดัง หรือ ขนส่งรถเย็น การจัดเรียงสินค้า: ภายในโกดัง หรือภายใน รถควบคุมอุณหภูมิ สินค้าจะถูกจัดเรียงไว้อย่างเป็นระเบียบ โดยคำนึงถึงการไหลเวียนของอากาศภายใน เพื่อให้ทุกส่วนของสินค้าได้รับการควบคุมอุณหภูมิอย่างทั่วถึง ป้องกันการเคลื่อนย้ายหรือเสียหายระหว่างการขนส่ง การควบคุมอุณหภูมิระหว่างขนส่ง: รถขนส่งควบคุมอุณหภูมิ ด้วยระบบที่ทันสมัย สามารถปรับและรักษาอุณหภูมิให้คงที่ตามความต้องการของสินค้าแต่ละประเภท พนักงานขับรถจะมีการตรวจสอบอุณหภูมิอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าอยู่ในสภาพที่เหมาะสมตลอดการเดินทาง การติดตามสถานะ: การส่งสินค้าด้วย รถส่งของห้องเย็น นั้นผู้ส่งและผู้รับสินค้าสามารถติดตามสถานะการขนส่งได้ผ่านระบบออนไลน์หรือแอปพลิเคชันที่ผู้ให้บริการมี เพื่อทราบตำแหน่งและกำหนดการส่งมอบสินค้า การส่งมอบสินค้า: เมื่อถึงปลายทาง พนักงานขนส่งจะทำการส่งมอบสินค้าให้กับผู้รับ โดยมีการตรวจสอบสภาพสินค้าและเอกสารการรับมอบ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าถูกส่งมอบอย่างถูกต้องและอยู่ในสภาพสมบูรณ์ การทำความสะอาดและบำรุงรักษารถ: หลังจากการขนส่งแต่ละครั้ง รถขนส่งห้องเย็น จะได้รับการทำความสะอาดและตรวจสอบสภาพอย่างสม่ำเสมอ เพื่อรักษาความสะอาดและประสิทธิภาพของระบบทำความเย็น ธุรกิจที่ควรใช้บริการ ขนส่งห้องเย็น เพื่อรักษาคุณภาพของสินค้าให้สดใหม่ถึงมือผู้บริโภค บริการ ขนส่งห้องเย็น มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจหลากหลายประเภทที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิเป็นพิเศษ ได้แก่ ธุรกิจอาหารสด เช่น เนื้อสัตว์ อาหารทะเล ผัก ผลไม้ สินค้าเหล่านี้ต้องการรักษาความสดใหม่และป้องกันการเน่าเสีย ธุรกิจอาหารแช่แข็ง เช่น อาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง ไอศกรีม ธุรกิจนี้จำเป็นต้องใช้การ ขนส่งเย็น ซึ่งต้องการรักษาอุณหภูมิให้ต่ำกว่าจุดเยือกแข็งเพื่อคงคุณภาพ ธุรกิจยาและเวชภัณฑ์ เช่น วัคซีน อินซูลิน ซึ่งต้องการการควบคุมอุณหภูมิที่เหมาะสม แม่นยำ เพื่อรักษาสภาพ และประสิทธิภาพของยาให้สมบูรณ์ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ สารเคมีบางชนิดอาจต้องมีการควบคุมอุณหภูมิเพื่อความปลอดภัยและรักษาคุณภาพ ให้มีคุณสมบัติเสมือนเพิ่งผลิตใหม่ ธุรกิจดอกไม้และต้นไม้ ดอกไม้และต้นไม้บางชนิดต้องการการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นเพื่อรักษาความสด รักษาสภาพ ป้องกันการเน่าเสีย ชะลอการงอก การเจริญเติบโตให้ช้าลง ธุรกิจจัดเลี้ยงและร้านอาหาร ในยุคนี้มีขนส่งวัตถุดิบและอาหารปรุงสำเร็จ ที่ต้องการรักษาอุณหภูมิ เพื่อคงสภาพ และรักษารสชาติให้เหมือนเพิ่งปรุงเสร็จใหม่ๆ บริการ ขนส่งห้องเย็น 5 เจ้าดัง ที่มีมาตรฐานดีที่สุด ในตลาดผู้ให้บริการ ขนส่งห้องเย็น นั้นมีผู้ให้บริการหลายรายที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการขนส่งสินค้าที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ ต่อไปนี้คือ 5 ผู้ให้บริการ ขนส่งรถเย็น ชั้นนำที่คุณควรรู้จัก 1. บริษัท บัตเตอร์ฟลาย (Butterfly Organic) ผู้รับผลิตเครื่องดื่ม OEM ที่แตกไลน์การให้บริการมาประกอบธุรกิจในด้านขนส่งสินค้าด่วน มีบริการ รถขนส่งควบคุมอุณหภูมิ ทั้งแบบแช่เย็นและแช่แข็ง มีรถขนส่งที่ได้มาตรฐานและระบบติดตามสินค้าผ่านแอปฯ ได้ตลอด 24 ชั่วโมง เรียกได้ว่าเจ้านี้เป็นผู้ให้บริการรับผลิตสินค้า OEM…
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 2 นาที
- โพสต์เมื่อ
พุดดิ้งเป็นของหวานคลาสสิกที่ใครๆ ก็หลงรัก ด้วยสูตรพุดดิ้งแบบใหม่ๆ จะช่วยเสริมให้เนื้อสัมผัสมีความเนียนนุ่มมากขึ้น หอมกลิ่นนม มีรสชาติที่หวานละมุน เหมาะสำหรับทานเล่นหลังมื้ออาหารหรือเป็นขนมเย็นๆ ชื่นใจในวันร้อนๆ ที่ดีไปกว่านั้นคือ พุดดิ้งมีหลายแบบให้เลือกตามความชอบ ไม่ว่าจะเป็น พุดดิ้งนมรสวานิลลา ที่ให้กลิ่นหอมกลมกล่อม พุดดิ้งช็อกโกแลต ที่เข้มข้นถึงใจ หรือ พุดดิ้งสตรอเบอร์รี่ ที่หวานอมเปรี้ยว ให้ความรู้สึกสดชื่น วันนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ วิธีทําพุดดิ้งแบบต่างๆ ซึ่งเป็นวิธีทําพุดดิ้ง ง่ายๆ ด้วยส่วนผสมแค่ไม่กี่อย่าง แถมยังปรับเปลี่ยนรสชาติได้ตามใจชอบ เลือกใช้ได้ทั้งแป้งข้าวโพดหรือเจลาติน เพื่อให้ได้เนื้อพุดดิ้งที่แตกต่างกัน พร้อมทั้งยังมีเคล็ดลับดีๆ มาฝากเพื่อให้พุดดิ้งของคุณออกมาสมบูรณ์แบบที่สุด แนะนำ 5 สูตรพุดดิ้งที่กำลังมาแรงขายดี 1. พุดดิ้งนมสด (แบบง่าย) สูตรพุดดิ้งนมสดแบบง่ายๆ ที่ใช้วัตถุดิบน้อยแบบแรกนั้นเป็นวิธีทำพุดดิ้งนมสดธรรมดาที่รสชาติหอมหวานนุ่มละมุน ทานง่าย เหมาะสำหรับเป็นของหวานเบา ๆ หลังมื้ออาหาร ส่วนผสมพุดดิ้ง นมสด 500 มล. ไข่แดง 3 ฟอง น้ำตาลทราย 80 กรัม (ปรับได้ตามชอบ) กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา แป้งข้าวโพด (คอร์นสตาร์ช) 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ตีไข่แดงกับน้ำตาลและแป้งข้าวโพดจนเข้ากัน ต้มนมพออุ่น (ไม่ต้องให้เดือด) แล้วค่อยๆ เทลงในส่วนผสมไข่ คนให้เข้ากัน นำกลับไปตั้งไฟอ่อน คนจนส่วนผสมข้นขึ้น ยกลงจากไฟ เติมกลิ่นวานิลลา คนให้เข้ากัน เทใส่ถ้วยหรือพิมพ์ ทิ้งให้เย็น แล้วนำไปแช่ตู้เย็นอย่างน้อย 2 ชั่วโมง 2. สูตรพุดดิ้งโยเกิร์ต (Yogurt Pudding) วิธีการทำพุดดิ้งโยเกิร์ต ก็เป็นอีกเป็นเมนูของหวานที่ทำง่าย ได้สุขภาพดี ให้ความรู้สึกสดชื่น เหมาะสำหรับคนที่ชอบรสเปรี้ยวละมุนจากโยเกิร์ต ผสมความหนึบนุ่มของพุดดิ้ง โดยสูตรพุดดิ้งโยเกิร์ตแบบง่ายก็มีดังนี้ ส่วนผสมพุดดิ้ง โยเกิร์ตรสธรรมชาติ (หรือรสที่ชอบ) 1 ถ้วย (ประมาณ 200 มล.) นมสด 1/2 ถ้วย น้ำตาลทราย 2-3 ช้อนโต๊ะ (ปรับตามชอบ) ผงเจลาติน 1 ช้อนชา (หรือแผ่นเจลาติน 2 แผ่น) น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ (สำหรับละลายเจลาติน) ผลไม้สด เช่น สตรอว์เบอร์รี บลูเบอร์รี กีวี หรือมะม่วง สำหรับตกแต่ง วิธีทำ 1. เตรียมเจลาติน แช่ผงเจลาตินในน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ ทิ้งไว้ประมาณ 5-10 นาทีให้พองตัว (ถ้าใช้แผ่น ให้แช่น้ำเย็นจนพองแล้วบีบน้ำออก) 2. อุ่นนม นำนมสดใส่น้ำตาลลงหม้อ ต้มด้วยไฟอ่อนจนร้อน (ไม่ต้องเดือด) คนให้น้ำตาลละลายหมด 3. ละลายเจลาติน ใส่เจลาตินที่แช่ไว้ลงในหม้อนมร้อน คนจนละลายหมด ยกออกจากเตา แล้วพักให้อุ่น 4. ผสมโยเกิร์ต เทโยเกิร์ตลงในส่วนผสมนมที่เย็นลงเล็กน้อย แล้วคนให้เข้ากัน 5. เทใส่ภาชนะ เทส่วนผสมลงในถ้วยหรือพิมพ์พุดดิ้ง แล้วนำเข้าตู้เย็นอย่างน้อย…
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 2 นาที
- โพสต์เมื่อ
ซาโฮร คือการกินอาหารก่อนพระอาทิตย์ขึ้นที่ชาวมุสลิมจะทำกันในช่วงถือศีลอด เมื่อเวลาในการกินอาหารมีจำกัด สามารถกินได้แค่ 2 มื้อในช่วงกลางคืนเท่านั้น ข้าวซาโฮร จึงต้องเป็นอาหารที่ให้พลังงานสูง แล้วการกินซาโฮรต้องทำยังไง ถือศีลอด กินอะไรได้บ้าง รวมถึงเวลากินข้าวซาโฮรคือเวลาไหน วันนี้เราจะมาหาคำตอบกัน ซาโฮร คืออะไร เกี่ยวข้องกับการถือศีลอดอย่างไร คำจำกัดความอย่างง่ายของ ซาโฮร คือ อาหารที่กินในช่วงถือศีลอด โดยหลักแล้วจะต้องงดกินอาหารและเครื่องดื่มในเวลากลางวัน การกินอาหารจึงถูกจำกัดเหลือมื้อหลักๆ แค่ 1-2 มื้อในช่วงเวลากลางคืน ดังนั้นซาโฮร คืออาหารที่ต้องกินในช่วงก่อนพระอาทิตย์จะขึ้นเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานไปใช้ตลอดทั้งวัน รวมถึงซาโฮรก็ต้องเป็นอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารที่จำเป็น โดยทั่วไปแล้วจะเป็นอาหารจำพวกผัก ผลไม้ ธัญพืชที่ไม่ขัดสี โปรตีนที่มีไขมันต่ำ เช่น ไข่ น้ำเต้าหู้ หรือเนื้อสัตว์แบบไม่ติดหนังหรือมัน ส่วนการถือศีลอดตามความหมายของศาสนาของอิสลามก็คือการงดเว้นการกิน ดื่ม เสพ ร่วมประเวณี และการกระทำอื่นที่ขัดต่อหลักคุณธรรม โดยจะห้ามทำตลอดช่วงเวลาตั้งแต่แสงรุ่งอรุณขึ้นไปจนถึงเวลาที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ดังนั้นซาโฮรคือมื้ออาหารสำคัญที่จะต้องกินแบบมีคุณภาพเพื่อร่างกายไม่ขาดน้ำและพลังงานในการทำกิจกรรมต่างๆ และการถือศีลอดยังนับว่าเป็นการชำระล้างทั้งด้านร่างกายและจิตใจ ทางด้านร่างกายคือการนำพลังงานส่วนเกินในร่างกายออกมาใช้ ส่วนทางด้านจิตใจคือการระงับความอยากที่เกินตัว จะต้องใช้จิตใจที่แน่วแน่เพื่อให้ผ่านช่วงกลางวันของทุกวันไปให้ได้ วิธีการกินซาโฮรต้องทำอย่างไรบ้าง? วิธีการกินซาโฮรนอกจากจะต้องดูว่าถือศีลอดกินอะไรได้บ้าง และ ถือศีลอดกินข้าวตอนไหนได้บ้าง แม้จะไม่มีข้อกำหนดเรื่องอาหารที่ชัดเจนแต่โดยทั่วไปแล้วจะต้องเลือกอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารครบถ้วน อิ่มท้องได้นาน และต้องดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อลดอาการขาดน้ำในช่วงเวลากลางวันด้วย แนวทางในการกินซาโฮรจะมีดังนี้ 1. กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อให้ได้รับสารอาหารเพียงพอในช่วงถือศีลอดและเสริมสร้างสุขภาพให้แข็งแรง ป้องกันการเจ็บป่วยหรือเกิดโรคต่างๆ ด้วย 2. กินธัญพืชที่ไม่ขัดสี เช่น ข้าวซ้อมมือ ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ หรือพวกขนมปังโฮลวีท เพราะมีใยอาหารสูง อิ่มท้องนาน ระดับน้ำตาลในเลือดจะไม่สูงเพราะธัญพืชที่ไม่ขัดสีจะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด 3. ทานโปรตีนคุณภาพดี เช่น ไข่ นมโค นมถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ หรือเนื้อสัตว์ไขมันต่ำอย่างอกไก่หรือปลา เพื่อรักษา มวลกล้ามเนื้อเอาไว้ 4. ไม่ทานอาหารไขมันสูง เพื่อให้ร่างกายนำไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ในร่างกายมาใช้เป็นพลังงาน อาหารไขมันสูงอาหารที่ควรเลี่ยงก็จะเป็นพวกเนื้อสัตว์ติดหนังหรือมัน อาหารใช้เนยหรือมาการีน อาหารทอด แกงที่มีกะทิ ในการปรุงอาหารควรใช้วิธีต้ม ตุ๋น นึ่ง ย่าง อบ ยำ หรือผัดด้วยน้ำมันน้อยๆ แทน 5. ไม่ทานอาหารเค็มจัด พยายามหลีกเลี่ยงซาโฮรที่มีรสเค็มจัดหรือมีโซเดียมสูง เช่น อาหารแปรรูป ขนมขบเคี้ยว เพราะจะทำให้รู้สึกกระหายน้ำในช่วงกลางวันได้ง่ายขึ้น รวมถึงจะต้องดื่มน้ำเปล่าให้เพียง พอในช่วงกลางคืนด้วยเพื่อป้องกันการขาดน้ำระหว่างวัน 6. ไม่ทานเยอะเกินไป การกินข้าวซาโฮรควรกินให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ไม่กินเยอะจนเกินไปเพราะจะทำให้เกิดอาการจุกเสียดหรือปวดท้อง ควรกินอาหารช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด และไม่ควรนอนทันทีหลังจากกินเสร็จเพื่อป้องกันอาการกรดไหลย้อน 7. งดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ น้ำอัดลม เพราะจะทำให้กระหายน้ำระหว่างวันได้ง่าย มีผลในการขับน้ำออกจากร่างกาย และจะทำให้ปัสสาวะบ่อยด้วย ควรเลือกดื่มน้ำเปล่าจะดีที่สุด ช่วงเวลากินข้าวซาโฮรมีตอนไหนบ้าง? ส่วนใครที่กำลังสงสัยว่าจะต้องกินซาโฮร กี่โมงหรือตามหลักแล้วสามารถกินข้าวบวชได้ถึงกี่โมง โดยทั่วไปแล้วการถือศีลอดจะไม่นำสิ่งใดเข้าไปในปากหรือจมูกโดยเจตนาเฉพาะเวลากลางวันเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีเวลากินข้าวถือศีลอดที่ชัดเจน ซาโฮรหมดเวลาไหนก็ไม่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับเวลาที่พระอาทิตย์ขึ้นและตกในแต่ละพื้นที่ แต่ส่วนใหญ่แล้วมักเลือกกินเวลาประมาณหัวรุ่งเช้าหรือเวลาประมาณตี 3 เพื่อไม่ให้เกิดหิวหรือกระหายในช่วงกลางวัน และจะต้องเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อิ่มท้องได้นาน ดื่มน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันการขาดน้ำเท่านี้ก็ไม่มีปัญหาในการกินซาโฮรแล้ว และนี่คือคำตอบที่หลายคนสงสัยว่าถือศีลอดกินข้าวตอน ไหนจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามหลักการกินที่ถูกวิธี กินซาโฮรยังไงให้อร่อยและได้ประโยชน์ เมื่อรู้กันไปแล้วว่าถือศีลอดกินข้าวตอนไหนจึงจะถูกต้องตามหลัก และในช่วงการ ถือศีลอดกินอะไรได้บ้าง ใครที่อยากได้ตัวช่วยดีๆ ในการกินซาโฮร วันนี้เราก็มีโยเกิร์ตพร้อมดื่มผสมลูกฟิกและอินทผาลัมตรา Butterfly มาแนะนำกัน ในคัมภีร์อัลกุรอานเคยบันทึกเอาไว้ว่าอินทผาลัมใช้แทนการดื่มน้ำได้ และยังเป็นผลไม้ที่ให้พลังงาน กินแล้วอยู่ท้อง ลดอาการอ่อนเพลียในช่วงอดอาหารได้ดี…
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 2 นาที
- โพสต์เมื่อ
7 อาหารสุขภาพ อร่อย ทำง่าย ยาเพิ่มอายุวัฒนะได้ในทุกวัน อาหารสุขภาพหรืออาหาร Healthy นับว่าเป็นกระแสที่มาแรงต่อเนื่องหลายปีและยังไม่มีทีท่าว่าจะหายไป เพราะผู้คนในปัจจุบันเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการรักษาสุขภาพมากขึ้น อาหารรักสุขภาพจึงถูกคิดค้นขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนสายเฮลตี้ทานแล้วได้ทั้งสุขภาพดี และยังได้รับความอร่อยไปพร้อมกัน แค่เราใส่ใจในการเลือกอาหารมากขึ้นก็จะได้สุขภาพที่ดีขึ้นกลับไปง่ายๆ แล้วอาหาร Healthy food มีอะไรบ้าง แต่ละเมนูจะน่าสนใจแค่ไหน วันนี้เราลองมาดูกัน อาหารสุขภาพคืออะไร แตกต่างจากอาหารทั่วไปยังไง อาหารสุขภาพหรือ Healthy food หมายถึงอาหารที่ทานในปริมาณเหมาะสมแล้วจะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง ช่วยในการป้องกันโรคหรือเยียวยารักษาได้ โดยทั่วไปแล้วของกินเพื่อสุขภาพก็จะเป็นพวกอาหารมีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี หรือปลา ซึ่งเป็นแหล่งโปรตีนและแร่ธาตุต่างๆ แต่การกินอาหารที่มีประโยชน์ก็จะต้องควบคู่ไปกับการดูแลสุขภาพด้วยวิธีอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายหรือทำกิจกรรมที่ช่วยเผาผลาญพลังงานส่วนเกินเพื่อให้ได้ร่างกายที่แข็งแรง ลดความเสี่ยงในการเกิดโรค อย่างที่มักจะเห็นกันว่าคนที่กินอาหาร Healthy ก็จะเป็นคนที่ออกกำลังกายกันอย่างสม่ำเสมอนั่นเอง แนะนำ 7 เมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่ทำกินเองได้ง่ายๆ ที่บ้าน เมื่อพูดถึงอาหารสุขภาพ หลายคนอาจเข้าใจว่าต้องเป็นอาหารราคาแพง มีขั้นตอนการทำที่ยุ่งยาก แต่ความเป็นจริงแล้วเมนูสุขภาพสามารถปรุงได้จากวัตถุดิบราคาถูก รสชาติอร่อย และยังทำได้ง่าย บางเมนูก็เป็นอาหารที่ทานกันเป็นประจำอยู่แล้ว และเมนูอาหารสุขภาพ มีอะไรบ้าง สำหรับเมนูที่เราจะมาแนะนำกันก็มี 7 เมนูดังนี้ 1. โยเกิร์ตโรยกราโนล่า แน่นอนเลยว่าทั้งโยเกิร์ตและกราโนล่าถือว่าเป็นอาหารที่มีประโยชน์และยังได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน ได้รสสัมผัสเนียนนุ่มจากโยเกิร์ตและยังผสมผสานความกรุบกรอบของกราโนล่าทำให้ทานได้อร่อย ในด้านประโยชน์ก็ช่วยทั้งการปรับสมดุลร่างกาย ช่วยระบบขับถ่าย ป้องกันท้องผูก เหมาะเป็นอาหารมื้อเช้าหรือมื้อระหว่างวันสำหรับผู้ที่ต้องการคุมน้ำหนักมากที่สุด 2. เยลลี่นมสดใส่ผลไม้ อีกหนึ่งเมนูเพื่อสุขภาพที่ได้ทั้งความอร่อยและยังได้ความสดชื่นก็คือเยลลี่นมสด แค่นำเจลาตินหรือผงวุ้นมาแช่น้ำเย็นจนพองตัวแล้วพักไว้ จากนั้นก็อุ่นนมสดให้ร้อนแล้วผสมกับเจลาตินให้เข้ากัน ตักใส่ถ้วยพร้อมโรยผลไม้สดหั่นชิ้นพอดีคำลงไป สำหรับผลไม้ก็เลือกได้ตามใจชอบ แนะนำเป็นแก้วมังกร กีวี่ มะละกอ หรือสตรอเบอรี่ก็จะช่วยเพิ่มความสดชื่นได้เป็นอย่างดี รวมถึงยังสามารถเพิ่มโยเกิร์ตเข้าไปเสริมรสชาติและเนื้อสัมผัสได้ มีทั้งประโยชน์และความอร่อย ควบคุมระดับน้ำตาลเองได้ด้วย 3. ปลาซาบะย่างเกลือ ปลาซาบะย่างเกลือเป็นอีกหนึ่งเมนูเพื่อสุขภาพที่อร่อยและทำง่าย ได้ประโยชน์ที่หลากหลาย วัตถุดิบที่ต้องใช้ก็มีแค่เนื้อปลาซาบะ นำมาย่างด้วยไฟกลางเพื่อไม่ให้ DHA สลายเมื่อโดนความร้อน ประโยชน์ก็มีหลายอย่างทั้งเป็นแหล่งโปรตีน กระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน มี DHA ที่เป็นประโยชน์ต่อสมองและระบบไหลเวียนเลือด มีวิตามินหลายชนิด ช่วยรักษาสมดุลแคลเซียมในร่างกายได้อีกด้วย 4. โจ๊กข้าวโอ๊ต โจ๊กข้าวโอ๊ตเป็นอีกหนึ่งเมนูสุขภาพที่ทำง่ายและได้ประโยชน์ เพราะข้าวโอ๊ตมีแมกนีเซียมสูง แคลอรี่ต่ำ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี ทานแล้วอยู่ท้อง แค่เปลี่ยนจากข้าวธรรมดามาเป็นข้าวโอ๊ตก็ได้โปรตีนเพิ่มขึ้นและยังมีแร่ธาตุ วิตามินต่างๆ เพิ่มเข้ามา สามารถใส่อกไก่หรือกุ้งเข้าไปเพิ่มโปรตีนและสารอาหารอื่นได้ด้วย 5. ข้าวอบธัญพืช ข้าวอบธัญพืชก็เป็นอีกหนึ่งอาหารรักสุขภาพที่ทำง่าย ได้ประโยชน์ที่หลากหลาย ข้าวที่ใช้ก็เลือกได้ว่าจะใช้ข้าวกล้อง ข้าวซ้อมมือ หรือข้าวไรซ์เบอร์รี ปริมาณน้ำตาลจะต่ำกว่าข้าวขาวธรรมดา วัตถุดิบอื่นที่ใส่แล้วเข้ากันก็มีหลายอย่าง ลูกเดือย : มีไฟเบอร์สูง มีสารคอกซีโนไลด์ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็ง ดีต่อระบบย่อยอาหาร ข้าวโพด : ให้คาร์โบไฮเดรต ลดความดันโลหิตและคอเลสเตอรอลในเลือด บำรุงสายตา ช่วยให้ผิวพรรณสวยเต่งตึง ถั่วลันเตา : มีสรรพคุณในการลดความดันเลือดและขับสารพิษในร่างกาย เห็ดหอม : ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันร่างกาย ลดไขมันในเส้นเลือด บำรุงสมองและผิวพรรณได้ดี 6. ยำแซลมอนใส่ต้นอ่อนทานตะวัน ใครที่ชอบรสชาติจัดจ้านก็มียำแซลมอนใส่ต้นอ่อนทานตะวันเป็นอีกหนึ่งเมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่กำลังได้รับความนิยมสูง แซลมอนมีโอเมก้า 3 ที่ช่วยบำรุงระบบประสาท ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคสมองเสื่อม โรคหัวใจ ส่วนต้นอ่อนทานตะวันก็ช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง โรคอัลไซเมอร์ และโรคเบาหวาน เพียงแต่การปรุงรสจะต้องใช้เครื่องปรุงโซเดียมต่ำเพื่อไม่ให้รับโซเดียมเกินความจำเป็น 7. ไก่ผัดขิง ใครจะเชื่อว่าเมนูง่ายๆ ที่พบเห็นได้ทุกวันอย่างไก่ผัดขิงก็เป็นหนึ่งในอาหารสุขภาพที่ดีที่สุด ด้วยรสชาติที่คุ้นเคยทำให้ทานได้ง่าย วัตถุดิบหาง่าย ขั้นตอนการทำก็ง่าย…
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 2 นาที
- โพสต์เมื่อ
อินทผาลัมเป็นผลไม้ที่มีทั้งประโยชน์และความอร่อยควบคู่กัน แต่เดิมนั้นอินทผาลัมเป็นผลไม้ต่างประเทศแต่ปัจจุบันก็มีการปลูกในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ด้วยประโยชน์ของอินทผาลัมที่ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ บำรุงร่างกาย และยังมีรสหอมหวาน ราคาไม่แพง ผลอินทผาลัมจึงกลายเป็นอีกหนึ่งผลไม้เพื่อสุขภาพที่ผู้คนมากมายเลือกรับประทานกัน แล้วประโยชน์อินทผาลัมมีอะไรบ้าง อินทผาลัมกินยังไง ไม่ควรกินเกินวันละกี่ผล วันนี้เราจะมาหาคำตอบไปพร้อมกัน ผลไม้อินทผาลัม คืออะไร มีต้นกำเนิดมาจากที่ใด ใครที่มีเพื่อนเป็นชาวต่างชาติคงเคยสงสัยกันว่า Dates คือผลไม้อะไรทำไมชาวต่างชาติถึงชอบทานกัน Date Palm หรือ Dates ก็คืออินทผาลัมซึ่งเป็นพืชตระกูลเดียวกับต้นปาล์ม มีต้นกำเนิดจากภูมิภาคตะวันออกกลางและแถบแอฟริกาเหนือ ผลไม้อินทผาลัมมีอยู่หลายสายพันธุ์ มีหลายสี และยังมีหลายชื่อเรียก ทั้งชื่ออินทผาลัมแบบที่คนไทยรู้จัก สำหรับประเทศในแถบตะวันตกจะเรียกว่า Date Palm หรือ Dates ทางอาหรับจะเรียกว่าตัมร ส่วนทางมลายูจะเรียกว่ากุรหม่า คนส่วนมากจะคุ้นเคยกับผลอินทผาลัมสีเหลืองแต่ก็มีสายพันธุ์ที่เป็นสีอื่นด้วย เช่น สีส้ม หรือสีแดง โดยทั่วไปอินทผาลัมจะเติบโตได้ดีในเขตที่มีสภาพอากาศแห้งแล้งอย่างเช่นทะเลทราย ประเทศที่ผลิตและส่งออกผลอินทผาลัมเยอะที่สุดจึงเป็นซาอุดิอาราเบีย ทุกวันนี้อินทผาลัมเริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดจนหลายประเทศนำเข้ามาปลูกตามๆ กัน ประเทศไทยของเราก็เป็นอีกประเทศที่นำเข้าอินทผาลัมมาเพื่อการเพาะพันธุ์ และมีสวนอินทผาลัมในประเทศอยู่หลายแห่งด้วยเช่นกัน อินทผาลัมสดประโยชน์และโทษมีอะไรบ้างที่ควรต้องรู้ก่อนรับประทาน อินทผาลัมสด ประโยชน์และโทษก็มีหลายอย่าง ถ้ากินให้ดีก็เป็นยา แต่ถ้ากินผิดวิธีก็อาจทำให้ป่วยได้เหมือนกัน ประโยชน์ของอินทผาลัม ประโยชน์ของอินทผาลัมก็มีสูงไม่แพ้ผลไม้ยอดนิยมอื่นๆ สำหรับประโยชน์อินทผาลัมหลักๆ จะมี ดังนี้ 1.1 ช่วยในการลดน้ำหนัก ผลอินทผาลัมมีไฟเบอร์สูง ระบบการย่อยอาหารจึงทำงานได้เต็มที่ ทานแล้วอิ่มท้อง ไม่หิวง่าย มีสารอาหารที่ช่วยปรับการทำงานของแบคทีเรียในลำไส้ ระบบขับถ่ายจึงทำงานได้ดีตามไปด้วย ส่งผลให้น้ำหนักลดง่ายขึ้น แต่อินทผาลัมก็มีน้ำตาลสูง อินทผาลัม 1 เม็ด แคลอรี่สูง 23 กรัม มีน้ำตาล 5 กรัม ถ้าทานมากไปหรือเลือกผลที่หวานจัดก็อาจทำให้อ้วนขึ้นได้เช่นกัน 1.2 ช่วยในการป้องกันโรค ไม่ว่าจะเป็นผลอินทผาลัมสดหรืออินทผาลัมอบแห้ง สรรพคุณในการป้องกันโรคก็มีเหมือนกัน จากงานวิจัยที่เคยให้ผู้ป่วยเบาหวานทานอินทผาลัมพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดไม่สูงขึ้น และยังช่วยบำรุงตับอ่อนได้ แต่ควรทานในปริมาณที่เหมาะสม จากงานวิจัยอีกชิ้นยังพบว่าในผลอินทผาลัมมีสารที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อมดลูก สำหรับสตรีตั้งควรรภ์จะช่วยให้มดลูกบีบตัวได้ดีขึ้น ลดการเสียเลือดในช่องคลอดได้ 1.3 ช่วยบำรุงร่างกาย รสหวานและกลิ่นของผลอินทผาลัมช่วยให้ร่างกายสดชื่น น้ำตาลภายในอินทผาลัมก็จะช่วยให้ร่างกายมีเรี่ยวแรง คลายความเหนื่อยล้า เพิ่มความกระปรี้กระเปร่า สำหรับมารดาที่ให้นมบุตร อินทผาลัมก็ยังช่วยทั้งการเพิ่มน้ำนม ลดความเครียด ลดภาวะซึมเศร้าหลังคลอด น้ำนมจะมีปริมาณมากขึ้นและยังได้สารอาหารเพิ่มขึ้นอีกด้วย โทษของอินทผาลัม แม้อินทผาลัม สรรพคุณจะมีสูง แต่สำหรับผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่แล้วก็อาจเป็นโทษได้เช่นกัน เพราะในผลอินทผาลัมมีปริมาณโพแทสเซียมสูง ในเคสของผู้ที่มีปัญหาในการขับโพแทสเซียมออกจากร่างกายก็อาจเป็นอันตรายได้ ใครที่สงสัยว่าโรคไตกินอินทผาลัมได้ไหมต้องบอกเลยว่าไม่ควรเป็นอย่างยิ่งเพราะทำให้เกิดภาวะโพแทสเซียมเกิน รวมถึงในผู้ป่วยเบาหวานก็อาจทำให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ด้วย สารอาหารของผลไม้อินทผาลัมที่หลายคนยังไม่เคยรู้ อินทผาลัม 1 ผลนับว่ามีปริมาณไขมันและคอเลสเตอรอลต่ำ ไม่มีกลูเตน โซเดียมน้อย ไฟเบอร์สูง มีวิตามินหลายชนิดทั้ง วิตามินเอ, วิตามินบี 1, วิตามินบี 2, วิตามินบี 6, วิตามินเค มีเบต้าแคโรทีน, ลูทีน และซีแซนทีนสูง สำหรับสารอาหารอื่นภายในอินทผาลัม 1 ผลก็ยังมีทั้งโปรตีน, คาร์โบไฮเดรต, โซเดียม, โพแทสเซียม, แม็กนีเซียม, เหล็ก, โฟเล็ต, น้ำตาล และผลอินทผาลัมขนาด 8 กรัมยังมีแคลอรี่แค่ 23 เท่านั้น อินทผาลัมกินยังไงให้ได้ประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด ใครที่ยังไม่เคยลองและสงสัยว่าอินทผาลัมกินยังไงให้ได้ประโยชน์มากที่สุด โดยทั่วไปแล้วอินทผาลัมสามารถกินได้ทั้งผลสุกและผลดิบ ในผลดิบจะมีความหวานน้อยกว่า มีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่า สามารถกินได้มากกว่าผลสุก ส่วนผลสุกจะมีรสชาติหวานมาก มีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ถ้านำผลสุกไปตากแห้งหรืออบแห้งจะสามารถเก็บไว้ได้นานนับปี ส่วนข้อสงสัยว่าอินทผาลัมกินวันละกี่เม็ดถึงจะดี ปกติแล้วไม่ควรกินเกิน 5-10 เม็ดต่อวันทั้งผลสดและผลแห้งอินทผาลัมยังสามารถนำมาแปรรูปในแบบอื่นๆ ได้…
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 2 นาที
- โพสต์เมื่อ
สายรักสุขภาพทั้งหลายไม่รู้จัก Fig ไม่ได้แล้ว เชื่อได้เลยว่าการมองหาผลไม้ที่จะมารับประทานเพื่อสุขภาพที่ดีนั้น ในปัจจุบันถือว่ามีทางเลือกดูแลสุขภาพที่หลากหลายกันเลยทีเดียว วันนี้เราเลยจะมาแนะนำให้ได้รู้จักกับ ลูกฟิกหรือมะเดื่อฝรั่ง จะเป็นผลไม้แบบไหน ต้นฟิกส์ เป็นอย่างไร ทำไมถึงมีสารอาหารจัดเต็ม เราจะได้ทราบกัน Fig คือผลไม้อะไร มาทำความรู้จักผลไม้ชนิดนี้กัน Figs คือ ผลไม้ที่มีต้นกำเนิดในตะวันออกกลางและแถบเมดิเตอร์เรเนียนมีชื่อภาษาไทยว่า ต้นมะเดื่อฝรั่ง มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Ficus carica จัดเป็นพืชตระกูลเดียวกับหม่อน Fig เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางที่นิยมปลูกกันมานาน ผลของต้นมะเดือฝรั่ง สามารถนำลูกมะเดื่อ มาแปรรูปเป็นผลไม้อบแห้งที่นิยมรับประทานกันอย่างแพร่หลายหรือนิยมนำมาทำแยม หรือรับประทานร่วมกับโยเกิร์ต เป็นต้น มะเดื่อฝรั่งนับว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์และน่ารับประทานอย่างมากเลยทีเดียว แถมยังแปรรูปได้หลากหลาย จะรับประทานสดก็ได้เช่นกัน 4 สรรพคุณของมะเดื่อฝรั่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เมื่อทราบกันแล้วว่า ลูกมะเดื่อ คือผลไม้รูปแบบไหน ต่อมาเรามาทำความรู้จักกับลูกมะเดื่อฝรั่งกันให้มากขึ้นดีกว่า มะเดื่อฝรั่งมีสรรพคุณมากมาย ช่วยให้ร่างกายได้รับสารอาหารได้เยอะมาก ๆ เลยทีเดียว แถมยังเป็นผลไม้ที่รสชาติอร่อย 1. ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้สูงอายุทั้งหลายจะต้องรับประทานมะเดื่อฝรั่งเพื่อช่วยในเรื่องของการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดกันด้วย หรือจะเป็นคนในวัยต่าง ๆ ก็สามารถที่จะรับประทานลูกฟิกได้ 2. บำรุงกระดูกและฟัน Fig มีแคลเซียมสูงกว่าปลาถึง 2 เท่า ดังนั้นหากต้องการบำรุงกระดูกให้แข็งแรง การรับประทานผลมะเดื่อสามารถเพิ่มแคลเซียมในร่างกายให้คุณได้เป็นอย่างดี 3. ช่วยคงความอ่อนเยาว์ รู้กันหรือไม่ว่า หากคุณต้องการให้ร่างกายเกิดความอ่อนเยาว์ การรับประทานลูกมะเดื่อฝรั่งสามารถช่วยคุณได้อย่างมากเลย ในเรื่องของการชะลอความแก่ 4. ควบคุมน้ำหนัก หากคุณกำลังลดความอ้วนหรือควบคุมน้ำหนักอยู่ การได้รับประทาน ลูกฟิกสามารถช่วยคุณได้เป็นอย่างดีเนื่องจากผลิตภัณฑ์แปรรูปจาก Fig เป็นเครื่องดื่มสุขภาพ เนื่องจาก มะเดื่อฝรั่งเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง นอกจากนี้แล้ว มะเดื่อ รสชาติ หอม หวาน ละมุน รับประทานง่าย ได้รับความนิยมจากบรรดาคนรักสุขภาพ 3 เมนูมะเดื่อฝรั่งแปรรูปที่น่าทานได้หลากหลายอย่างและน่าลอง สำหรับคนรักสุขภาพคนไหนก็ตามที่สนใจและอยากลองรับประทาน ลูกฟิก แต่อาจจะไม่อยากที่จะทานสดหรือต้องการที่จะลองแปรรูปผลไม้ Fig เรามีเมนูแนะนำในการรับประทานมะเดื่อฝรั่งให้อร่อย ที่บอกได้เลยว่าคุณจะต้องติดใจและอยากนำเมนูเหล่านี้ไปทำตามแน่นอน 1. มะเดื่ออบแห้ง หากคุณชื่นชอบใน มะเดื่อฝรั่ง รสชาติที่หอม หวาน ละมุน แต่การรับประทานสดอาจไม่ตอบโจทย์ในเรื่องของการเก็บรักษา เราแนะนำว่าคุณสามารถนำมาอบแห้งเพื่อเพิ่มอายุการเก็บรักษาได้เช่นเดียวกัน แถมรสชาติก็ยังคงอร่อยเหมือนเดิม 2. น้ำมะเดื่อปั่น เมนูเครื่องดื่ม Fig ให้ความสดชื่นที่น่าลิ้มลอง โดยการนำผลมะเดื่อฝรั่งมาปั่นเพื่อเพิ่มรสสัมผัสที่ดี ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเมนูเครื่องดื่มที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ใครยังไม่เคยได้ลองทำก็ต้องหามาลองบ้างแล้ว 3. ขนมปังโฮลวีตกับผลมะเดื่อ Fig อบขนมปังร้อนๆ แล้ววางผล Fig ทานคู่กัน ก็ช่วยให้อิ่มท้องในช่วงเช้า ด้วยคุณประโยชน์ของขนมปังโฮลวีตและมะเดื่ออบแห้งที่อยู่ข้างใน ทำให้การรับประทขนมปังได้รสชาติที่แปลกใหม่มากกว่าที่เคย ความอร่อยใหม่จาก Butterfly Organic โยเกิร์ตพร้อมดื่มฟิกและอินทผลัม ไม่ต้องไปตามหาลูก Fig ที่ไหนไกล เพราะตอนนี้ Butterfly พร้อมเสริฟ์โยเกิร์ตพร้อมดื่มออกใหม่ ‘BARAKAT’ ที่อัดแน่นไปด้วยโพรไบโอติกโยเกิร์ต ที่มีส่วนผสมของฟิกและอินทผลัม ได้รสชาติผลไม้เต็มๆ อาหารสุขภาพที่สามารถทานเล่นก็ได้ หรือจะรับประทานแทนมื้ออาหารในตอนเช้า เพื่อควบคุมน้ำหนักก็ได้เช่นกัน สามารถสั่งสินค้าและดูเมนูสุขภาพอื่นๆ ได้ ผ่าน LINE OFFICIAL Butterfly Organic ได้เลย! คำถามที่พบบ่อย Fig แปลว่าอะไร? Fig แปลว่า มะเดื่อฝรั่งเป็นผลไม้เนื้อสีแดง มีรสชาติหวาน นุ่ม…
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 2 นาที
- โพสต์เมื่อ
เชื่อได้เลยว่ายังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้จัก ขนมอิสลาม ซึ่งเป็นขนมทานเล่นของชาวมุสลิมที่มีความน่าสนใจทั้งเรื่องของ รูป รส สัมผัส อีกทั้ง ขนมมุสลิมหลายอย่างจะมีรสชาติเข้มข้น หอมหวาน บางอย่างก็มีถั่ว มีน้ำผึ้ง หรือมีกลิ่นเครื่องเทศอ่อนๆ ทำให้รสชาติแตกต่างจากขนมทั่วไป วันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับขนมมุสลิมลิมหรือขนมฮาลาลเพื่อให้ผู้คนทั้งหลายได้รู้จักเมนูอร่อยๆ ของชาวมุสสลิมมากขึ้น และยังได้รู้เรื่องราวของขนมเหล่านี้ให้มากขึ้นกว่าเดิม เช็กลิสต์ 5 ขนมมุสลิม ที่น่าสนใจ ว่ามีอะไรบ้าง? 1. ขนมรายอ เป็นขนมที่ชาวมุสลิมนิยมกันเป็นอย่างมาก โดยจะมีชื่อเรียกเต็มๆ ว่า กูเวรายอ เป็นขนมที่ทานเล่นได้ทั่วไป สามารถทานได้ทุกเวลา เช่น คุกกี้ ขนมกรุบกรอบต่างๆ และยังใช้ในการรับรองแขกที่มาเยี่ยมเยือนในพื้นที่ ใช้แจกจ่ายสำหรับประเพณีในวันฮารีรายอของชาวไทยมุสลิมได้ด้วย 2. ขนมลาดู ขนมที่มีชื่อว่า ลาดู คือ ขนมหวานลูกกลม ๆ ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากอินเดีย นิยมมากในกลุ่มชาวมุสลิมและฮินดู โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลต่าง ๆ เช่น ฮารีรายอ หรือช่วงงานมงคล ลาดูคือขนมพื้นบ้านที่เป็นได้ทั้งอาหารและยาในคราเดียวกัน ด้วยรสชาติที่อร่อยและมีประโยชน์ เหมาะสำหรับสตรีหลังคลอดบุตร ช่วยบำรุงเลือด ช่วยเพิ่มน้ำนม ทำให้ร่างกายกระชับได้เร็วขึ้นจึงถือว่าลาดูเป็นขนมยอดนิยมของสตรีชาวมุสลิมเลยก็ว่าได้ 3. ขนมดอกไม้ แค่ชื่อก็บอกเลยว่าน่าทานมากๆ ยังไม่รวมถึงหน้าตาและรสชาติที่น่าสนใจเช่นเดียวกัน ขนมดอกไม้ มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ตือปงบูงอ” เป็นขนมท้องถิ่นที่นิยมรับประทานในช่วงเดือนบวช สามารถทำเองหรือหาซื้อได้ง่ายในเดือนบวช ขนมดอกไม้เป็นขนมที่จะต้องรับประทานกับน้ำจิ้มหวาน เพื่อเพิ่มความอร่อยสดชื่น ถือว่าเป็นขนมยอดนิยมที่น่าสนใจไม่น้อยเลย 4. ขนมกอเละเลอเมาะ กอเละซามา ขนมกอเละเลอเมาะ กอเละซามา เป็นขนมของชาวมลายูมุสลิมภาคใต้ พบมากในพื้นที่ยะลา ปัตตานี นราธิวาส โดยจะทำกันในช่วง เทศกาลรายอ หรือในงานมงคล เช่น งานแต่ง งานทำบุญ แม้ชื่อขนมอาจจะยาวไปหน่อย แต่สำหรับกอเละเลอเมาะ กอเละซามา ถือว่าเป็นขนมที่มีรสอร่อยไม่แพ้ขนมชนิดอื่นเลยก็ว่าได้ นอกจากจะนิยมรับประทานขนมชนิดนี้ในช่วงถือศีลอดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาไหนก็เหมาะที่จะรับประทานขนมชนิดนี้ได้เช่นกัน ด้วยรสอร่อยที่ถูกใจหลายคน ไม่เพียงแค่ชาวมุสลิมเท่านั้น เรามั่นใจได้เลยว่าใครได้ลองทานจะต้องชอบและหาซื้อมาทานอีกแน่นอน 5. ขนมซามาซารี ขนมซามาซารีเป็นของหวานเดือนรอมฎอน บอกได้เลยว่าน่ากินมาก แค่เห็นหน้าตาก็อาจทำให้ใครหลาย ๆ คนที่ไม่ใช่มุสลิมต้องอยากที่จะลองกินอย่างแน่นอน ซามาซารีเป็นขนมที่มีมาตั้งแต่โบราณ มักจะกินในช่วงเทศกาลถือศีลอด ความเป็นมาของขนมเราอาจจะไม่พูดถึง แต่ในเรื่องของรสชาติ หากไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ โดยจะมีรสหวานมัน ชื่นใจ แค่ได้รับประทานขนมชนิดนี้เข้าไปก็สามารถคลายความอ่อนเพลียจากการบวชได้ตลอดทั้งวันแล้ว ชาวมุสลิมทานโยเกิร์ตได้หรือไม่ หาคำตอบได้ที่นี่? ชาวมุสลิมสามารถทานโยเกิร์ตได้ หากโยเกิร์ตนั้นเป็นโยเกิร์ตฮาลาล (ถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลาม) โดยทั่วไปแล้วโยเกิร์ตถือเป็นอาหารที่ฮาลาลอยู่แล้ว ถ้าไม่มีส่วนผสมหรือกระบวนการที่หะรอม (ต้องห้าม) โดยวิธีเลือกโยเกิร์ตที่มุสลิมสามารถทานได้จะมีดังนี้ มองหาฉลาก “ฮาลาล” บนบรรจุภัณฑ์ ตรวจสอบส่วนผสม หากมีเจลาติน ควรดูว่าระบุชนิดหรือแหล่งที่มาหรือไม่ เลือกยี่ห้อที่มีมาตรฐานฮาลาลจากองค์กรที่น่าเชื่อถือ เช่น ฮาลาลของ CICOT (ประเทศไทย) แนะนำโยเกิร์ต Butterfly สำหรับชาวมุสลิม หากคุณกำลังมองหาโยเกิร์ตที่ชาวมุสลิมสามารถทานได้ เราขอแนะนำเมนูเปิดตัวใหม่ โยเกิร์ตมะเดื่อฝรั่งผสมอิทผาลัมจาก Butterfly โยเกิร์ตฟิกผสมอินทผลัม สรรพคุณในการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ มีไฟเบอร์สูงช่วยให้ระบบขับถ่ายสามารถย่อยอาหารได้ปกติ ป้องกันอาการท้องอืด ท้องผูก และ Butterfly ยังมีเมนูโยเกิร์ตที่มีประโยชน์มากมาย มีเมนูอีกหลายอย่างให้ได้ลิ้มลอง รับประกันความอร่อยถูกใจในทุกช่วงเดือนบวช หากใครสนใจสั่งสินค้าหรือดูสินค้าเพิ่มเติมก็สามารถติดตามผ่านไลน์ได้ที่นี่ คำถามที่พบบ่อย ของหวานเดือนรอมฎอนทานตอนไหน ขนมหวานที่สามารถทานได้ในเทศกาล เดือนรอมฎอน (เดือนถือศีลอด) รับประทานตอนค่ำของการแก้บวช ซูยีของหวานอิสลาม…
- ใช้เวลาอ่านประมาณ: 2 นาที
- โพสต์เมื่อ
Tzatziki ซอสกรีกโยเกิร์ต หรือที่เราอ่านกันว่า ซัดซีจีมนูฮอตฮิตสำหรับชาวยุโรปเป็นเมนูสุขภาพ จะใช้โยเกิร์ตเป็นวัตถุดิบหลักในการทำ ซึ่งวันนี้ Butterfly Otganic จะมาแจกสูตร Tzatziki วิธีทำที่ง่ายและวัตถุดิบในการทำหาได้ไม่ยากรับรองจะติดใจเป็นเมนูประจำบ้านได้เลย Tzatziki ซอสกรีกโยเกิร์ตที่เรารู้จักกันคืออะไร? Tzatziki (ทซัทซิกิ) คือซอสซัดซีจีเป็นเมนูฮอตฮิตสำหรับชาวยุโรปของภาคตะวันออกเฉียงใต้และในโซนภาคตะวันออกกลาง โดยซอสซัดซีจีเป็นโยเกิร์ต ซอสชนิดหนึ่งและดิปสไตล์กรีกที่มีชื่อเสียงระดับโลก โดดเด่นด้วยรสชาติครีมมี่จากโยเกิร์ตกรีกที่มีความเข้มข้นสูง ผสมผสานกับความสดชื่นของแตงกวาขูดทำให้เพิ่มรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้น กลิ่นหอมแรงของกระเทียม และความเปรี้ยวอ่อนๆ จากน้ำมะนาวหรือน้ำส้มสายชู ตกแต่งด้วยสมุนไพรสดอย่างสะระแหน่หรือดิลล์ ทำให้ Tzatziki เป็นเครื่องเคียงหรือน้ำจิ้มที่ลงตัวกับอาหารหลากหลายเมนู แจกสูตร Tzatziki วิธีทำฉบับง่ายๆ ที่คนไทยทำกินที่บ้านได้ ก่อนอื่นต้องอธิบายก่อนว่ารสชาติของ Tzatziki จะสดชื่น เปรี้ยวนิด ๆ เค็มหน่อย ๆ และมีกลิ่นหอมของกระเทียม กินคู่กับเมนูย่าง ๆ อย่าง ซูฟลากิ (souvlaki) หรือเป็นดิปกินกับขนมปังพิต้า หรือผักสดก็ได้มักเสิร์ฟเป็นเครื่องเคียงกับอาหารกรีก เช่น ไจโรส์, ซากีกี, หรือเป็นดิปกับขนมปังพิต้า เป็นต้น โดยรสชาติของซัทซิกิจะสดชื่นจากแตงกวาและสมุนไพร มีความครีมมี่จากโยเกิร์ต และมีกลิ่นกระเทียมแรงเล็กน้อย เหมาะสำหรับทานคู่กับเนื้อย่างหรือผักสด เป็นอาหารในเมนูสุขภาพที่ช่วยให้เป็นทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพโดยเฉพาะ โดย Tzatziki วิธีทำและส่วนประกอบสามารถหาวัตถุดิบและขั้นตอนการทำง่ายๆ ที่ใครๆ ก็สามารถทำกินเองได้ที่บ้านรับรองว่าใครได้ทำกินเองจะติดใจเป็นเมนูฮิตประจำบ้านกันเลย สูตร Tzatziki ขั้นพื้นฐาน ใช้สำหรับทำเพื่อ เป็นซอสหรือดิปสไตล์กรีกที่ทำจากส่วนผสมหลัก ๆ ดังนี้ ส่วนผสมหลัก กรีกโยเกิร์ต ซอสที่มีเนื้อครีมหนา แตงกวา (ขูดละเอียดและบีบน้ำออก) กระเทียมจีน 1 กลีบ (สับหรือบด) น้ำมะนาวสด สมุนไพรที่ใช้สำหรับการทำ Tzatziki เช่น ผักชีลาว,เกลือป่นและพริกไทย ขั้นตอนการทำ Tzatziki แบบพื้นฐาน 1) ล้างแตงกวาให้สะอาดผ่าครึ่งออกเป็น 2 ซีก ทำการคว้านเมล็ดออก แล้วขูดเอาแต่เนื้อ ใส่เกลือประมาณ 1 หยิบมือ โดยนำมาทิ้งไว้ 10-12 นาที แล้วบีบน้ำออกให้หมด หลังจากนั้นหั่นผักชีลาวและขูดกระเทียมที่ได้เตรียมเอาไว้ 2) ใส่กรีกโยเกิร์ต ซอส ลงในชามผสม ตามด้วยแตงกวาที่ขูดไว้ กระเทียมจีน ผักชีลาว ใส่เกลือป่น พริกไทยดำบด น้ำมะนาว และน้ำมันมะกอก ทำการคนให้เข้ากัน เพียงเท่านี้ก็จะได้ โยเกิร์ต ซอส Tzatziki พร้อมเสิร์ฟทันที หรือนำมาใส่ภาชนะมีฝาปิดแล้วเก็บไว้ในตู้เย็นไว้รับประทานต่อไป สูตร Tzatziki แบบสมุนไพร ต่อมาจะทำเป็นสูตร Tzatziki ที่สามารถปรับเป็นแบบ “ดิปโยเกิร์ตกรีก” (Greek Yogurt Dip) เป็นดิปที่ทำจากกรีกโยเกิร์ต ซอส มีเนื้อสัมผัสครีมมี่และรสชาติเข้มข้น นิยมใช้เป็นเครื่องจิ้มหรือซอสกับผักสด ขนมปัง หรือของว่างต่างๆ ส่วนผสมหลัก กรีกโยเกิร์ต ซอส (แบบไม่หวาน) 1 ถ้วย น้ำมะนาว 1-2 ช้อนชา กระเทียมสับ 1-2 กลีบ (หรือตามชอบ) เกลือและพริกไทย ปริมาณเล็กน้อย สมุนไพรสด เช่น…