Category: นม

ลดน้ำหนัก กินนมได้ไหม? คำถามยอดฮิตของคนที่อยากหุ่นดีแต่ยังอยากดื่มนมเหมือนเดิม หลายคนอาจกังวลว่าการกินนมทุกวันจะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือไม่ ความจริงแล้วนมมีทั้งประโยชน์และข้อควรระวัง หากเลือกชนิดและปริมาณที่เหมาะสม คุณก็สามารถลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องตัดนมออกจากชีวิต! ลดน้ำหนักอยู่ กินนมทุกวันได้จริงหรือไม่? มาหาคำตอบกัน! Glass of milk and a measuring tape on the table. Concept of incorporating milk into a healthy diet and fitness plan, highlighting its nutritional benefits for weight management and overall health หลายคนที่กำลังลดน้ำหนักอาจสงสัยว่ากินนมทุกวันจะทำให้น้ำหนักขึ้นหรือไม่ จริง ๆ แล้วการดื่มนมสามารถช่วยคุมน้ำหนักได้ด้วยซ้ำ เพราะการดื่มนมอย่างเหมาะสมไม่เพียงแต่ไม่ทำให้อ้วน แต่ยังมีประโยชน์ต่อร่างกายอีกมาก  นมมีส่วนช่วยให้ลดน้ำหนักได้ จริงหรือไม่? นมไม่ได้เป็นสิ่งน่ากลัวของการลดน้ำหนักเสมอไป โดยเฉพาะเลือกทานนมที่ไขมันต่ำหรือนมพร่องมันเนย ปริมาณโปรตีนในนมช่วยให้อิ่มท้องนาน ลดการกินจุกจิกระหว่างวัน ที่สำคัญสามารถกินนมเปรี้ยวตอนเช้าเพื่อช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารได้ กลไกการทำงานของนมต่อกระบวนการลดน้ำหนัก โปรตีนในนมช่วยให้ร่างกายสร้างกล้ามเนื้อ และยิ่งมีกล้ามเนื้อมาก การเผาผลาญพลังงานก็มากขึ้น นอกจากนี้นมยังช่วยรักษาสมดุลของระดับน้ำตาลในเลือด ทำให้รู้สึกอิ่มนาน ลดโอกาสโหยของหวาน โปรตีนและแคลเซียมจากนม สำคัญต่อร่างกายอย่างไร โปรตีนเป็นสารอาหารที่ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อและเสริมสร้างความแข็งแรง ในขณะที่แคลเซียมมีบทบาทสำคัญต่อการบำรุงกระดูกและฟัน รวมถึงช่วยควบคุมระบบเผาผลาญ หากได้รับในปริมาณเหมาะสม การดื่มนมทุกวันจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการลดน้ำหนักที่ยั่งยืน เลือกนมแบบไหน? ที่ใช่สำหรับคนอยากลดน้ำหนัก การเลือกนมที่เหมาะสมเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญของการลดน้ำหนัก เพราะนมแต่ละชนิดให้พลังงานและสารอาหารต่างกัน หากคุณสงสัยว่ากินนมจืดอ้วนไหมหรือควรดื่มนมประเภทไหนดี ลองมาดูรายละเอียดของนมแต่ละชนิด พร้อมเคล็ดลับว่ากินนมตอนเช้าแบบไหนช่วยคุมน้ำหนักได้จริง นมจืด นมจืดเป็นตัวเลือกที่หลายคนคิดถึงเวลาลดน้ำหนัก การดื่มในปริมาณพอเหมาะและเลือกนมจืดพร่องมันเนยหรือนมจืดไขมันต่ำ จะช่วยให้ร่างกายได้รับโปรตีนและแคลเซียมโดยไม่เพิ่มไขมันเกินความจำเป็น ดื่มนมจืดตอนเช้ายังช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหารระหว่างวันได้ แต่คนแพ้แลคโตสแนะนำให้เลือกนมชนิดอื่น นมพร่องมันเนย นมพร่องมันเนยเป็นทางเลือกยอดนิยมสำหรับคนลดน้ำหนัก เพราะตัดส่วนไขมันออกไป แต่ยังคงโปรตีนและแคลเซียมครบ ทำให้ได้ประโยชน์เต็มที่โดยไม่เพิ่มแคลอรีมากเกิน เหมาะสำหรับดื่มตอนเช้าคู่กับอาหารที่มีกากใยสูง นมไขมันต่ำ นมไขมันต่ำให้พลังงานน้อยกว่านมสดปกติ จึงเหมาะกับการควบคุมน้ำหนัก นอกจากนี้ยังช่วยรักษาระดับแคลเซียมในร่างกาย ดื่มนมชนิดนี้ในตอนเช้าจะช่วยให้ร่างกายพร้อมเผาผลาญพลังงานตลอดวัน นมอัลมอนด์ นมถั่วเหลือง นมทางเลือกอื่น หากคุณแพ้นมวัวหรือต้องการลดแคลอรีลงไปอีก การเลือกนมอัลมอนด์ นมถั่วเหลือง นมโอ๊ตเป็นตัวเลือกที่ดี ให้ไขมันต่ำและให้โปรตีนในระดับที่เหมาะสม เหมาะสำหรับดื่มแทนมื้อว่างหรือดื่มตอนเช้าเพื่อเสริมพลัง ดื่มนมเท่าไหร่ต่อวัน ถึงจะเหมาะสำหรับคนลดน้ำหนัก Two glasses of milk on a white background side view copy space หลายคนที่สงสัยว่าลดน้ำหนัก กินนมได้ไหม คำตอบคือ ได้ ตราบใดที่ควบคุมปริมาณและเลือกนมที่เหมาะสม ถึงแม้นมจะเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมที่ดี แต่ถ้าดื่มมากเกินไปก็อาจได้รับพลังงานมากกว่าที่ร่างกายต้องการ คนลดน้ำหนักดื่มนมวันละกี่แก้ว ถึงจะพอดี? โดยทั่วไปสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ควรดื่มนม วันละ 1-2 แก้ว (ประมาณ 200-400 มิลลิลิตร) เพื่อให้ได้โปรตีนและแคลเซียมเพียงพอโดยไม่เพิ่มแคลอรีมากเกินไป การเลือกนมพร่องมันเนย นมจืด หรือนมไขมันต่ำ จะช่วยควบคุมน้ำหนักได้ดีกว่านมปรุงแต่งรสหวาน ช่วงเวลาเหมาะที่สุดสำหรับการดื่มนมของคนลดน้ำหนัก กินนมตอนไหนดีสุด คำถามยอดฮิตของคนลดน้ำหนัก คำตอบคือ ช่วงเช้าหรือหลังออกกำลังกาย เพราะช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานและโปรตีนที่ใช้เสริมสร้างกล้ามเนื้อ  ดื่มนมแล้วดีต่อการลดน้ำหนักยังไง? ข้อดีที่คุณควรรู้ closeup of a pretty…
superfoods คือ อะไร? เป็นเรื่องที่หลายๆ คนอาจสงสัย เพราะอาจยังเข้าไม่ถึงและคิดว่ามันไกลตัว แต่แท้จริงแล้วอาหารดังกล่าวไม่ได้เป็นเพียงอาหารสำหรับคนรักสุขภาพเท่านั้น แต่ยังเป็นวัตถุดิบทางอาหารที่สามารถรับประทานได้ทุกเพศ ทุกวัย อย่างไรก็ดี ในบทความนี้ Butterfly Organic จึงได้ทำข้อมูลเกี่ยวกับอาหารประเภทนี้มาเพื่อให้ผู้อ่านได้มาทำความเข้าใจกันว่าอาหารเหล่านี้คืออะไรและทำไมผู้บริโภคต้องการอาหารเหล่านี้ในอนาคต
เคยสงสัยหรือไม่ว่า Oat Milk หรือ นมโอ๊ต ที่กำลังได้รับความนิยมทั่วโลกนั้น ดีต่อสุขภาพจริงหรือเปล่า และเหมาะกับใครบ้าง? ปัจจุบัน โอ๊ตมิลค์ ได้กลายเป็นเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ทั้งคนรักสุขภาพ ผู้แพ้นมวัว ไปจนถึงผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก บทความนี้ Butterfly จะพาคุณมาทำความเข้าใจตั้งแต่นิยามของนมข้าวโอ๊ต ประโยชน์ต่อร่างกาย ไปจนถึงกลุ่มคนที่ควรเลือกดื่ม พร้อมวิธีเลือกให้ได้ผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง Oat Milk คืออะไร? Oat Milk คือ เครื่องดื่มจากพืชที่ได้จากการบดข้าวโอ๊ตกับน้ำ แล้วผ่านกระบวนการกรองเพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสนุ่มละมุน คล้ายนมวัว แต่ปราศจากส่วนผสมจากสัตว์ จึงเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้แพ้นมวัวหรือแพ้แลคโตส นมโอ๊ตยังอุดมด้วยใยอาหาร โดยเฉพาะเบต้ากลูแคนที่ดีต่อหัวใจและระบบย่อยอาหาร อีกทั้ง โอ๊ตมิลค์ยังเสริมแคลเซียม วิตามินดี และวิตามินบี 12 ทำให้ตอบโจทย์ทั้งด้านโภชนาการและความอร่อย อ่านบทความ >> นมข้าวโอ๊ต เทรนด์มาแรงที่คนรักสุขภาพห้ามพลาด! Oat Milk มีประโยชน์อย่างไร? ก่อนตัดสินใจเลือกดื่มนมโอ๊ต ควรรู้ว่ามีข้อดีต่อร่างกายอย่างไรบ้าง บทนี้จะเกริ่นสั้น ๆ แล้วลงรายละเอียดเป็นข้อ ๆ เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่า โอ๊ตมิลค์ ไม่ได้มีดีแค่รสชาติ แต่ยังส่งเสริมสุขภาพหลายด้าน ทั้งจากสารอาหารและคุณสมบัติทางธรรมชาติของนมข้าวโอ๊ต อุดมด้วยใยอาหาร (เบต้ากลูแคน) – ใยอาหารชนิดละลายน้ำในนมโอ๊ตจะจับกับกรดน้ำดี ช่วยให้ร่างกายขับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ออกได้มากขึ้น พร้อมทั้งทำให้การย่อยและการดูดซึมน้ำตาลช้าลง ระดับน้ำตาลหลังมื้ออาหารจึงไม่พุ่งเร็ว ไขมันต่ำ – โดยธรรมชาติ Oat Milk มีไขมันอิ่มตัวต่ำกว่านมวัว ช่วยลดภาระต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ เมื่อใช้แทนนมวัวในกาแฟหรือซีเรียลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดพลังงานรวมของมื้ออาหารได้โดยไม่เสียรสสัมผัสของเครื่องดื่มโปรด ไม่มีแลคโตส – ผู้ที่ย่อยแลคโตสไม่ได้สามารถดื่มโอ๊ตมิลค์ได้สบายท้อง ลดโอกาสท้องอืด จุกเสียด หรือถ่ายเหลว แถมยังตอบโจทย์ผู้ทานมังสวิรัติ/เจเพราะไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ ทำให้การเปลี่ยนผ่านจากนมวัวมาเป็นพืชเป็นเรื่องง่ายขึ้น มีโปรตีน – แม้โปรตีนของนม Oat Milk จะน้อยกว่านมวัว แต่ยังช่วยเสริมการซ่อมแซมและสร้างเซลล์ได้ดี เมื่อต้องการโปรตีนเพิ่ม ให้จับคู่กับธัญพืช/ถั่วอื่น ๆ (เช่น กราโนลา ถั่วอัลมอนด์) หรือสลับดื่มนมถั่วเหลืองในบางมื้อเพื่อสมดุลโภชนาการ อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ – ผลิตภัณฑ์นมโอ๊ตคุณภาพเสริมแคลเซียม วิตามินดี และบี12 ช่วยเรื่องกระดูก ฟัน และระบบประสาท เหมาะกับผู้ที่ดื่มนมวัวน้อยหรือรับแดดไม่เพียงพอ ตรวจดูฉลากให้มีการเสริมสารอาหารดังกล่าวเพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่ Oat Milk เหมาะกับใครบ้าง? Oat Milk หรือ นมโอ๊ต เป็นนมจากพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงและดื่มได้เกือบทุกเพศทุกวัย แต่มีคนบางกลุ่มที่เหมาะสมเป็นพิเศษเนื่องจากคุณสมบัติของนมข้าวโอ๊ต ช่วยตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการควบคุมน้ำตาล ลดคอเลสเตอรอล หรือเสริมใยอาหาร ข้อนี้เราจะมาดูว่าใครบ้างที่ควรพิจารณาให้โอ๊ตมิลค์เป็นส่วนหนึ่งของการดูแลสุขภาพประจำวัน ผู้ที่กำลังควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด นม Oat Milk อุดมด้วยใยอาหารชนิดละลายน้ำอย่างเบต้ากลูแคน ซึ่งมีบทบาทในการชะลอการดูดซึมน้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือด ช่วยทำให้ระดับน้ำตาลหลังมื้ออาหารไม่พุ่งสูงจนเกินไป จึงเป็นนมที่เหมาะกับผู้ป่วยเบาหวานหรือผู้ที่มีภาวะดื้อต่ออินซูลิน นอกจากนี้นมโอ๊ตที่ไม่มีการเติมน้ำตาลยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดระดับน้ำตาลสูงเกินมาตรฐาน ผู้ที่แพ้นมวัว สำหรับผู้ที่แพ้นมวัว มีอาการแพ้แลคโตสหรือโปรตีนจากนมวัว นมข้าวโอ๊ต ถือเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยและอร่อยไม่แพ้นมวัว ด้วยความที่ปราศจากแลคโตสและไม่มีโปรตีนจากนมสัตว์ จึงไม่ก่อให้เกิดอาการท้องอืด ปวดท้อง หรือผื่นแพ้ นอกจากนี้ โอ๊ตมิลค์ ยังเป็นมิตรต่อผู้ทานมังสวิรัติและเจ ผู้ที่กำลังลดน้ำหนัก ด้วยปริมาณไขมันต่ำและใยอาหารสูง นมโอ๊ตจะช่วยให้รู้สึกอิ่มนาน ลดความอยากอาหารระหว่างมื้อ จึงเป็นตัวช่วยที่ดีในการควบคุมแคลอรีรวมในแต่ละวัน การเลือก Oat Milk สูตรไม่เติมน้ำตาลยังช่วยเสริมประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักให้เห็นผลได้อย่างยั่งยืน…
แพลนต์เบส (Plant Based) หลายคนอาจไม่เคยรู้จักหรือไม่รู้มาก่อนว่าสิ่งนี้คืออะไร แต่สำหรับผู้ที่อยู่ในวงการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพคงคุ้นเคยกันดี ก่อนอื่นนั้นต้องอธิบายก่อนว่าเมื่อเราพูดถึงอาหารเพื่อสุขภาพ แน่นอนว่าจะต้องเป็นการลดเนื้อ เพิ่มผักหรือผลไม้ให้มากขึ้น อย่างไรก็ดี เมนูที่มักจะเป็นเมนูเบื้องต้นของวิถีการรับประทานอาหารเช่นนี้ ก็มักจะหนีไม่พ้น ผัก ผลไม้ เนื้อเทียม นม และโยเกิร์ต เป็นต้น ดังนั้นเราจะมาดูกันว่าอาหารต่างๆ ที่ได้กล่าวมานั้นเมื่อเป็นเมนูของ Plant Based จะต่างจากแบบอื่นอย่างไร
นมสำหรับคนท้อง เรียกได้ว่าเป็นเครื่องดื่มที่หลาย ๆ ชื่นชอบเพราะนอกจากจะมีรสชาติที่ดื่มง่าย แล้วก็ยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายให้กับร่างกายของผู้ดื่ม โดยเฉพาะในคุณแม่ตั้งครรภ์ที่ต้องเพิ่มแคลเซียมให้มากขึ้นเพื่อแบ่งให้กับลูกน้อยในครรภ์นั่นเอง อย่างไรก็ตามเมื่อขึ้นชื่อว่านม คุณแม่หลาย ๆ คนอาจเลือกไม่ถูกว่าควรดื่มนมชนิดไหนดี เพราะมีมากมายให้เลือก ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลอันสมควรที่คุณแม่ต้องรู้จักนมในแบบต่าง ๆ ให้มากขึ้น
“นมโพรไบโอติกส์” (Probiotics) เมื่อพูดถึงนมชนิดนี้ขึ้นมา เชื่อว่าหลายๆ คนคงจะนึกถึงนมเปรี้ยว โยเกิร์ต หรือกิมจิ ที่นับว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วย “โพรไบโอติกส์” จุลินทรีย์ตัวดีที่ช่วยในเรื่องขับถ่ายและระบบย่อยอาหารนั่นเอง จึงไม่น่าแปลกที่เราจะไม่ค่อยรู้หรือนึกถึงประโยชน์ในส่วนอื่นๆ ของมันนัก อย่างไรก็ดีเมื่อไม่นานมานี้ มีการแนะนำจากกรมอนามัยให้ผู้ที่มีอาการ Long Covid รับประทานโพรไบโอติกส์เพื่อเป็นการกระตุ้นภูมิให้ต้านไวรัสโควิด-19 หลังติดเชื้อในระยะยาว ดังนั้น ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกับเจ้าจุลินทรีย์ตัวนี้ให้ลึกและละเอียดมากขึ้นว่ามันคืออะไรกันแน่ ทำไมถึงมีประโยชน์ต่อร่างกาย และต้องทานอย่างไรจึงจะมีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิมากที่สุด?
คุณเคยสงสัยไหมว่า พรีไบโอติกส์ คืออะไรอะไร ต่างกับโพรไบโอติกส์อย่างไร และเหตุใดคนรักสุขภาพถึงให้ความสำคัญกับสารอาหารเหล่านี้? หลายคนรู้จักโพรไบโอติกส์ว่าเป็นจุลินทรีย์ดี แต่ไม่รู้ว่าพรีไบโอติกส์คือ “อาหาร” ที่ช่วยหล่อเลี้ยงพวกมัน การทำความเข้าใจนิยาม หน้าที่ และแหล่งอาหารที่อุดมด้วยพรีไบโอติกส์ จะช่วยให้คุณดูแลระบบทางเดินอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น บทความนี้ Butterfly Organic จะพาคุณสำรวจแบบเจาะลึกว่าพรีไบโอติกส์คืออะไร มีอยู่ในอาหารประเภทไหน และมีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพของเราอย่างไร พรีไบโอติกส์ คืออะไร? พรีไบโอติกส์คือ สารอาหารประเภทใยอาหารที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยได้ แต่สามารถถูกหมักและใช้เป็นอาหารโดยโพรไบโอติกส์หรือจุลินทรีย์ดีในลำไส้ เมื่อพรีไบโอติกส์เดินทางไปถึงลำไส้ใหญ่ จะช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ ส่งเสริมสมดุลของระบบย่อยอาหาร และช่วยให้กระบวนการดูดซึมแร่ธาตุทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับการผลิตกรดไขมันสายสั้นที่ดีต่อผนังลำไส้และระบบภูมิคุ้มกัน พรีไบโอติกส์ มีหน้าที่อะไร? หน้าที่หลักของพรีไบโอติกส์คือการสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมให้จุลินทรีย์ชนิดดีเติบโตและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะช่วยปรับสมดุลไบโอติกส์ในระบบทางเดินอาหาร ควบคุมการอักเสบ เสริมภูมิคุ้มกัน และสนับสนุนการย่อยอาหาร พรีไบโอติกส์ยังช่วยเพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียมและแมกนีเซียม ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพกระดูกและระบบประสาท พรีไบโอติกส์ ประโยชน์อะไรบ้าง? พรีไบโอติกส์ให้คุณประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน ทั้งในเชิงระบบย่อยอาหาร ภูมิคุ้มกัน และการป้องกันโรคบางชนิด ประโยชน์หลักของพรีไบโอติกส์ ปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร – พรีไบโอติกส์กระตุ้นการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ดีและจำกัดการขยายตัวของจุลินทรีย์ก่อโรค ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างราบรื่น ลดปัญหาท้องผูกและท้องเสีย เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน – จุลินทรีย์ดีที่ได้รับพรีไบโอติกส์จะผลิตสารต้านจุลชีพและกรดไขมันสายสั้น ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเยื่อบุลำไส้ และป้องกันการซึมผ่านของเชื้อโรค เพิ่มการดูดซึมแร่ธาตุสำคัญ – โดยเฉพาะแคลเซียมและแมกนีเซียม ที่จำเป็นต่อกระดูกและฟัน รวมถึงการทำงานของระบบประสาท ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือด – พรีไบโอติกส์บางชนิดช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาล และลดระดับ LDL ซึ่งเป็นไขมันไม่ดีในเลือด ลดการอักเสบเรื้อรังในร่างกาย – กรดไขมันสายสั้นจากการหมักพรีไบโอติกส์มีฤทธิ์ลดการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับโรคเมตาบอลิกและโรคทางเดินอาหาร สนับสนุนสุขภาพจิตและสมอง – งานวิจัยบางส่วนพบว่าการปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ด้วยพรีไบโอติกส์ส่งผลต่อสารสื่อประสาทที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และการนอนหลับ พรีไบโอติกส์ กับ โพรไบโอติกส์ ต่างกันอย่างไร? แม้ Prebiotic vs Probiotic จะทำงานร่วมกันเพื่อสุขภาพลำไส้ แต่ทั้งสองไม่ใช่สิ่งเดียวกัน โดยพรีไบโอติกส์เป็นสารอาหารที่จุลินทรีย์ดีใช้เป็นพลังงาน ขณะที่โพรไบโอติกส์คือจุลินทรีย์ดีที่มีชีวิตซึ่งเข้าไปช่วยรักษาสมดุลของระบบทางเดินอาหาร พรีไบโอติกส์ พรีไบโอติกส์คือ ใยอาหารชนิดละลายน้ำที่ร่างกายไม่สามารถย่อยได้ แต่จะผ่านไปยังลำไส้ใหญ่เพื่อเป็นแหล่งอาหารให้กับโพรไบโอติกส์และจุลินทรีย์ชนิดดีอื่น ๆ การมีพรีไบโอติกส์เพียงพอในมื้ออาหารช่วยกระตุ้นการทำงานของจุลินทรีย์ดี ผลิตสารที่ช่วยบำรุงเยื่อบุลำไส้ ลดการอักเสบ และสนับสนุนการทำงานของภูมิคุ้มกัน โพรไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์คือ จุลินทรีย์มีชีวิต เช่น Lactobacillus หรือ Bifidobacterium ที่เมื่อรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม จะช่วยเสริมความสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ โพรไบโอติกส์ทำงานโดยยับยั้งการเจริญของเชื้อก่อโรค ช่วยย่อยอาหารบางชนิด และผลิตวิตามินบางกลุ่ม เช่น วิตามินเค เมื่อพรีไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์ทำงานร่วมจะสามารถช่วยส่งเสริมสุขภาพลำไส้ในระยะยาวได้ อ่านบทความ >> ประโยชน์ของโยเกิร์ต ที่มีทั้งโพรไบโอติกส์-พรีไบโอติกส์ พรีไบโอติกธรรมชาติ มีอะไรบ้าง? พรีไบโอติกธรรมชาติ คือแหล่งใยอาหารจากพืชและอาหารที่พบได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งทำหน้าที่เป็นอาหารให้จุลินทรีย์ดีในลำไส้ การรู้จักแหล่งพรีไบโอติกส์จากธรรมชาติจะช่วยให้เราสามารถเลือกบริโภคได้อย่างเหมาะสม เพื่อสนับสนุนการทำงานของโพรไบโอติกส์และเสริมสมดุลระบบทางเดินอาหารในระยะยาว แบคทีเรียดี แบคทีเรียดี เช่น Bifidobacterium และ Lactobacillus มีบทบาทสำคัญต่อระบบย่อยอาหารและภูมิคุ้มกัน การได้รับพรีไบโอติกธรรมชาติอย่างเพียงพอ จะช่วยให้แบคทีเรียดีเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดี ลดความเสี่ยงของการเสียสมดุลในลำไส้ และสนับสนุนการทำงานของระบบทางเดินอาหารให้เป็นปกติ ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ ฟรุกโตโอลิโกแซคคาไรด์ (FOS) เป็นใยอาหารชนิดละลายน้ำที่พบในกล้วยดิบ หอมใหญ่ และกระเทียม มีคุณสมบัติเด่นในการกระตุ้นการเพิ่มจำนวนของโพรไบโอติกส์ และช่วยให้จุลินทรีย์ดีผลิตกรดไขมันสายสั้นที่มีประโยชน์ต่อผนังลำไส้ อินนูลิน อินนูลิน เป็นใยอาหารที่พบมากในหน่อไม้ฝรั่ง กระเทียม และหัวหอม มีคุณสมบัติผ่านระบบย่อยอาหารไปยังลำไส้ใหญ่โดยไม่ถูกย่อย เพื่อเป็นแหล่งพลังงานให้โพรไบโอติกส์ ช่วยปรับสมดุลลำไส้และสนับสนุนการทำงานของระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น เพกติน…
หากคุณกำลังเข้าสู่วัยผู้สูงอายุหรือกำลังมองหานมสำหรับผู้สูงอายุที่ดีและมีคุณภาพให้แก่สมาชิกในครอบครัวอยู่ แต่ไม่รู้ว่ามีหลักการเลือกนมประเภทนี้อย่างไร แล้วหาซื้อได้จากไหนบ้าง วันนี้เรามีคำตอบ
นมอัลมอนด์ น้ำนมทางเลือกสำหรับสายรักสุขภาพที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า อัลมอนด์ เป็นธัญพืชอันดับต้นๆ ที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์จากแร่ธาตุที่ดีต่อร่างกาย แถมยังเหมาะกับผู้ที่มีอาการแพ้นมวัวและอยู่ในช่วงการลดน้ำหนักอีกด้วย อย่างไรก็ดีเชื่อว่าในเวลาที่ผ่านมาหลายคนได้ยินประโยชน์ของนมจากอัลมอนด์มามากมาย แต่เคยสงสัยบ้างไหมว่านมชนิดนี้มีผลเสียอะไรบ้างหากเรารับประทานผิดวิธีหรือดื่มนมธัญพืชชนิดนี้ที่ไม่มีมาตรฐาน ในบทความนี้เราจึงจะมาดูกันว่าความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นมีอะไรบ้าง
นมออร์แกนิค นับได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากมายในปัจจุบัน เนื่องจากใน 2-3 ปีให้หลังมานี้เป็นช่วงที่เราทุกคนทราบกันดีว่าเราต้องผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากในการดูแลสุขภาพของตนเองและป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งแม้ในปัจจุบันจะมียอดผู้ติดเชื้อที่ลดลงบ้างแล้ว แต่ผู้บริโภคหลายๆ คนยังคงให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองโดยการเลือกรับประทานอาหารอยู่เสมอ นั่นเป็นเพราะอยากมีสุขภาพที่ดีและมีภูมิต้านทานมากพอที่จะไม่ให้ตนเองตกอยู่ในภาวะผู้ป่วยติดเชื้อ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • เปิดใช้งานตลอด

บันทึกการตั้งค่า